xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นรูดหนักกว่า 23 จุดหลังนักลงทุนเทขาย หวั่น “มาร์ค” เลื่อนยุบสภา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหุ้นไทยร่วงหนักกว่า 23 จุด มูลค่าซื้อขายรวมเกือบ 4 หมื่นล้านบาท เหตุนักลงทุนแห่ขายหุ้นขนาดใหญ่ หลังนายกฯ อภิสิทธิ์ ระบุยังไม่ยื่นทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ด้าน “จรัมพร” ยันสอดคล้องตลาดหุ้นภูมิภาคที่กังวลเหตุบานปลายจากสหรัฐฯ สังหาร “บิน ลาดิน” ไม่เกี่ยวกับการเมืองในประเทศ พร้อมเดินหน้าโรดโชว์ดึงนักลงทุนต่างชาติ ขณะเดียวกันเตรียมเพิ่มฐานนักลงทุนหน้าใหม่ผ่านอินเทอร์เน็ต

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (3 พ.ค.) ยังคงได้รับแรงกดดันจากทั้งปัจจัยภายในและนอกประเทศ โดยดัชนีตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลงสอดคล้องกับตลาดหุ้นภูมิภาค แต่อาจะมีสัดส่วนที่มากกว่า เพราะตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับปัจจัยการเมืองในประเทศเข้ามากดดันอีกระลอก โดยเฉพาะในการซื้อขายภาคบ่าย หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศว่ายังไม่ได้มีการทูกเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา

จากประเด็นดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนต่างวิตกและเทขายหุ้นออกมาอย่างรุนแรง ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างหนัก จนแตะระดับต่ำสุดที่ 1,065.94 จุด ก่อนจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยใน่ช่วงท้ายและปิดการซื้อขายที่ 7,070.43 จุด ลดลงกว่า 23.13 จุด หรือคิดเป็น 2.12% มูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 39,101.13 ล้านบาท

ต่างชาติซื้อสุทธิอีก 700 ล้าน

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดซื้อสุทธิรวม 711.38 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 2,482.78 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 796.79 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 2,533.19 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ราคาปิด 162 บาท ลดลง 8 บาท หรือ 4.71% มูลค่าการซื้อขาย 2,446.34 ล้านบาท บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ปิดที่ 3.64 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 5.21% มูลค่าการซื้อขาย 2,311.56 ล้านบาท และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ราคาปิด 364 บาท ลดลง 11 บาท หรือ 2.93% มูลค่าการซื้อขาย 2,007.19 ล้านบาท

หุ้นเอเชียกอดคอกันร่วง

ด้านความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นภูมิภาคนั้น ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ดัชนีสเตรทไทม์ ปิดตลาดที่ระดับ 3,153.57 จุด ปรับลดลง 26.29 จุด หรือคิดเป็น 0.83% ตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดตลาด 23,633.25 จุด ลดลง 87.56 จุด หรือ 0.37% ขณะที่ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดทำการ

การเมืองกดดันดัชนีทรุดหนัก

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ให้ความเห็นว่า วานนี้ (3 พ.ค.) ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค โดยเฉพาะมีแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลดลงค่อนข้างหนัก

โดยปัจจัยที่เข้ามากดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย คือ ปัจจัยด้านการเมือง หลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาระบุว่ายังไม่ได้มีการทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา รวมทั้งความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง อาจจะส่งผลให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ นักลงทุนต้องติดตามเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศว่ายังสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยหรือไม่ โดยให้แนวรับไว้ที่ระดับ 1,064-1,060 จุด และแนวต้าน 1,090 จุด

จรัมพรยันไม่ปัจจัยการเมือง

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงนั้นเป็นการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคจากวันก่อนที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง โดยไม่ได้เกิดจากความกังวลในเรื่องการยุบสภา ซึ่งส่วนตัวมองว่าไม่ว่าพรรคไหนจะเป็นรัฐบาลไม่ได้มีผลแตกต่าง เพราะ มีนโยบายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการเติบโตต่อเนื่อง

สำหรับประเด็นการเสียชีวิตของบิน ลาดิน ผู้นำเครือข่ายอัลกออิดะห์นั้นไม่ได้มีผลกระทบโดยตรง แต่เป็นผลกระทบทางอ้อมมากกว่า ซึ่ง คงจะต้องติดตามการประเมินผลกระทบจากนักวิเคราะห์ว่า ธุรกิจประเภทไหนที่จะได้รับผลกระทบ โดยอาจจะมีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวจากที่ประชาชนมีความระมัดระวังในการเดินทาง

ทั้งนี้ ในเดือนหน้าตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะไปร่วมกับ โกแมนแซกส์ โดยจะพาบริษัทจดทะเบียนขนาดใหม่ จำนวน 10 บริษัท เช่น การบินไทย ธนาคารกรุงเทพ และในเดือนกรกฎาคม จะเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศอังกฤษ ร่วมกับ บล.บีเอ็นพีพารีบา ซึ่งจะพาบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ไปให้ข้อมูลประมาณ 10 บริษัท

นอกจากนี้ ในวันที่ 7 กรกฎาคม ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะร่วมไปโรดโชว์กับทาง บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส จำกัด ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจะพาหุ้นกลุ่มพลังงาน และตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนที่จะไปโรดโชว์ที่ประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งจะพาบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางไปโรดโชว์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะไปกับบล.ใด โดยคาดว่าจะไปประมาณ ไตรมาส3 /54หรือไตรมาส4/54

ตั้งเป้าเพิ่มยอดเทรดผ่านเน็ต

นายจรัมพรกล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯตั้งเป้าเพิ่มนักลงทุนหน้าใหม่บัญชีซื้อขายอินเตอร์เน็ตเพิ่มไม่ต่ำกว่า 5.2 หมื่นบัญชี จากปีก่อนที่มีบัญชีอินเตอร์เน็ตจำนวน 2.7 แสนบัญชี จากโครงการ “ปฏิบัติการปลดล็อคเพื่ออิสรภาพทางการเงินใน 7 วัน” ซึ่งร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จำนวน 7 แห่ง เพื่อกระตุ้นความสนใจและสร้างผู้ลงทุนรุ่นใหม่ โดยคาดว่าจะเพิ่มปริมาณการซื้อขายผ่านอินเตอร์ 30 %ของมูลค่าการซื้อขายรวมในปี 2554

“ปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งเป้าเพิ่มบัญชีนักลงทุนรายใหม่รวมอีก 1 แสนบัญชี จากปีก่อนที่มี 6 แสนบัญชี ซึ่งมาจากนักลงทุนที่เปิดการซื้อขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์ ประมาณ 4 หมื่นบัญชี และบัญชีซื้อขายอินเตอร์อีก 5.2 หมื่นบัญชี”

ทั้งนี้ โครงการ “ปฏิบัติการปลดล็อกเพื่ออิสรภาพทางการเงินใน 7 วัน” มีระยะเวลา 3 เดือน โดยเปิดให้ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึง 31 กรกฎาคม 2554 โดยผู้สมัครที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับเทคนิคการลงทุน ตั้งแต่ความรู้เบื้องต้น ขั้นตอนและข้อมูลสำหรับการเปิดบัญชี การส่งคำสั่งซื้อขายออนไลน์ รวมทั้งข้อมูลต่างๆ ที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้สามารถเป็นผู้ลงทุนออนไลน์ โดยนำเสนอข้อมูลที่ครบถ้วนใน 7 วัน ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำไปเพิ่มความมั่งคั่งให้ตนเองเพื่อมุ่งสู่อิสรภาพทางการเงินในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น