xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า เกาะติดยุบสภาฯ ปัญหาชายแดน ไทย-เขมร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ต้องจับตาปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะประเด็นการประกาศยุบสภาฯ และปัญหาชายแดน ไทย-เขมร แต่ทิศทางยังเป็นบวก ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง ทั้งผลการดำเนินงาน บจ. ที่คาดว่าจะออกมาดี และเม็เงินต่างชาติที่ยังไหลเข้าต่อเนื่อง

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2554 (วานนี้) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเดือนเมษายน พบว่า ดัชนีหลักทรัพย์แกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งวัน แต่ยังสามารถพลิกปิดในแดนบวกได้ โดยระหว่างวันดัชนีทะยานขึ้นสูงสุดที่ 1,094.48 จุด ลดลงต่ำสุดที่ 1,082.20 จุด จนมาปิดตลาดที่ 1,093.56 จุด เพิ่มขึ้น 1.25 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.11% มูลค่าการซื้อขาย 33,707.43 ล้านบาท

โดยสัดส่วนการลงทุนแยกตามประเภทนักลงทุน มีดังนี้ นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,602.11 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 714.03 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 543.12 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 344.96 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า นักลงทุนควรติดตามประเด็นการเมืองเป็นหลัก เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะยุบสภาตามที่เคยประกาศเอาไว้ว่า รัฐบาลจะยุบสภาในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม 2554 ขณะที่ยังมีสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งหากไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็อาจส่งผลให้ความไม่ชัดเจนทางการณ์เมืองยังคงมีอยู่ซึ่ และอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อการลงทุนในตลาดฯ

ส่วนปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย สัปดาห์หน้า ยังเป็นเรื่องของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ออกมาดี นักลงทุนต่างชาติ ยังคงซื้อต่อเนื่อง รวมถึงการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) วันที่ 5 พฤษภาคม 2554 หากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด และบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่าดัชนียังมีโอกาสปรับขึ้นได้ จากแรงหนุนกระแสเงินทุนไหลเข้า แม้อาจมีการพักฐานบ้างจากแรงขายทำกำไร โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางราคาน้ำมัน การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ รวมถึงไทย ปัจจัยการเมือง และการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ตลอดจนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา อาทิ เครื่องชี้ตลาดแรงงาน คาดว่าดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,090 และ 1,080 จุด ตามลำดับ ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,113 และ 1,135 จุด

สำหรับค่าเงินบาท (Onshore) ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบที่จำกัดแม้จะมีแรงหนุนจากสกุลเงินในภูมิภาค และการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติสู่ตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทย เนื่องจากเงินบาทถูกดดันจากแรงขายเพื่อปรับพอร์ตของนักลงทุนเป็นระยะๆ ประกอบกับมีแรงซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าดูแลเสถียรภาพค่าเงินไม่ให้ผันผวนในระยะสั้น และไม่ให้มีการเก็งกำไรมากเกินไป

โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา เงินบาทอยู่ที่ 29.84 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับระดับ 29.92 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (วันที่ 22 เมษายน 2554) สำหรับแนวโน้มสัปดาห์หน้า (วันที่ 2-6 พฤษภาคม 2554) คาดว่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 29.75-30.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคงต้องจับตาข้อมูลเงินเฟ้อเดือนเมษายน 2554 และสถานการณ์การเมืองไทย สัญญาณการเข้าดูแลเสถียรภาพเงินบาทของ ธปท. ทิศทางการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของตลาดการเงินทั่วโลกที่อาจส่งผลหนุนสินทรัพย์และสกุลเงินในเอเชีย และกระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีน ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐอีกหลายตัว
กำลังโหลดความคิดเห็น