"ก.ล.ต.-ตลท." เดินหน้าพัฒนาตลาดทุน ก.ล.ต.แก้ไขหลักเกณฑ์การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ครอบงำกิจการ เพื่้ออำนวยความสะดวกให้แก่ภาคธุรกิจ และเพื่อสร้างความเท่าเทียมกันและสมเหตุผลของการปฎิบัติภาคธุรกิจ ตลท.เล็งขยายเวลาเทรดเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง รอโบรกฯ สรุป หากลงตัว พร้อมใช้ในไตรมาส 4 ปีนี้ คาดดันมูลค่าซื้อขายโตอีก 5-10%
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับตลาดทุน กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุนในการประชุมครั้งที่ 4/2554 ประจำเดือนเมษายน 2554 โดยระบุว่า คณะกรรมการเห็นชอบให้แก้ไขหลักเกณฑ์การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ดังนี้
1. อนุญาตให้บุคคลที่ประกาศว่าจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยมีการกำหนดเงื่อนไขไว้ แต่ต่อมาไม่ได้ทำคำเสนอซื้อตามที่ประกาศไว้ เพราะเงื่อนไขไม่สำเร็จเนื่องจากปัจจัยภายนอก เช่น เหตุจากบุคคลอื่น สามารถทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการได้โดยไม่ถูกห้ามเป็นเวลา 1 ปี ตามหลักเกณฑ์ปัจจุบัน ซึ่งนอกจากจะเป็นการให้โอกาสบุคคลดังกล่าวทำคำเสนอซื้อได้โดยไม่ต้องรอให้พ้น 1 ปีแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทไม่เสียโอกาสที่จะได้รับการเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่ตนถืออยู่
2. กำหนดให้ผู้ทำคำเสนอซื้อที่ได้หุ้นมาจนถึงจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อ จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับภายหลังการทำคำเสนอซื้อ ไม่ว่าจะมีผู้มาขายหุ้นในการทำคำเสนอซื้อหรือไม่ก็ตาม โดยห้ามผู้ทำคำเสนอซื้อได้หลักทรัพย์มาในราคาที่สูงกว่าราคาที่ทำคำเสนอซื้อเป็นเวลา 6 เดือนนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลารับซื้อ และห้ามผู้ทำคำเสนอซื้อดำเนินการใด ๆ ที่แตกต่างจากที่ระบุในคำเสนอซื้อภายในเวลา 1 ปี จากเดิมที่ห้ามเฉพาะกรณีที่มีผู้มาขายหุ้นในการทำคำเสนอซื้อเท่านั้น
3. กำหนดให้บุคคลที่ได้หุ้นมาจนถึงหรือข้ามจุดที่มีหน้าที่ทำคำเสนอซื้อ ได้รับยกเว้นไม่ต้องทำคำเสนอซื้อ หากบุคคลดังกล่าวลดสัดส่วนการถือหุ้น "ให้ต่ำกว่า " จุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อภายใน 7 วันทำการ และก่อนการลดสัดส่วนต้องงดการใช้สิทธิออกเสียงในหุ้นที่จะต้องลดสัดส่วนนั้น ซึ่งเป็นการกำหนดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าบุคคลดังกล่าวต้องลดสัดส่วน "ให้ต่ำกว่า" จุดที่มีหน้าที่ทำคำเสนอซื้อ
" ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการดังกล่าวเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ภาคธุรกิจ ซึ่งอาจมีอุปสรรคในทางปฏิบัติจากหลักเกณฑ์ซึ่งบังคับใช้มาระยะหนึ่งแล้ว และเพื่อสร้างความเท่าเทียมกันและความสมเหตุสมผลในการปฏิบัติของภาคเอกชน " นายธีระชัยกล่าว
นายธวัชชัย พิทยโสภณ ผู้อำนวยการฝ่ายงานเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า การแก้เกณฑ์ครั้งนี้ไม่ได้มีบทเรียนมาจากหุ้นกรณีใดเลย รวมถึงไม่เกี่ยวข้องกับกรณีของบริษัท เสริมสุข แต่เป็นผลมาจากกฎหมายฉบับนี้ใช้มาตั้งแต่ปี 2545 เมื่อเห็นว่ามีอุปสรรคก็แก้ไข และยังมีแนวทางแก้ไขกฎเกณฑ์ต่างๆ ต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาตลาดทุน
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการสายงายการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลท.เตรียมที่จะมีการปรับเวลาการซื้อขายหุ้นเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง เป็น 5 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งขณะนี้รอรับฟังความคิดเห็นจากบริษัทนายหน้าค้าหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) เพื่อจะเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการขยายเวลาการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 1 ชั่วโมงคาดว่าจะได้คำตอบกลับมาภายใน1-2 สัปดาห์นี้ และจะนำเสนอต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) ตลท. ภายในเดือนพฤษภาคม 2554 นี้ คาดว่าจะเริ่มปฏิบัติจริงในไตรมาส 4 ปีนี้ เพราะต้องเตรียมความพร้อมทางด้านระบบและบุคลากร
"ตอนนี้ อยู่ระหว่างให้ทางสมาคมโบรกเกอร์ ไปสำรวจความเห็นของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ขณะที่ ตลท. ได้เสนอปรับเวลาซื้อขายอาจให้เร็วขึ้น หรือจะลดเวลาพักเที่ยงเท่านั้น แต่จะไม่ขยายเวลาปิดการซื้อขาย เพราะจะส่งผลกระทบต่อระบบของโบรกเกอร์ ทำให้เวลาการปิดการซื้อขายอยู่ที่ 16.30 น. เหมือนเดิม"
ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่าหากมีการปรับเพิ่มเวลาซื้อขายเพิ่มขึ้นอีก 1 ชั่วโมง จะทำให้มูลค่าการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10%โดยคาดว่าจะเป็นมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ และในประเทศ ที่มีการส่งคำสั่งผ่านระบบการซื้อขาย (โปรแกรมเทรดดิ้ง)หรือการส่งคำสั่งซื้อขายตรง (DMA) แต่นักลงทุนรายย่อยได้ประโยชน์จากการที่จะมีสภาพคล่องการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
"คงจะไม่ไปแตะช่วงเวลาปิดตลาดเวลา14.30 น. เพราะเกรงจะกระทบกับงานหลังบ้านของโบรกเกอร์ แต่จากผลศึกษาพบว่าหากเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง มีโอกาสเพิ่มปริมาณการซื้อขาย 5-10% ซึ่งจะมาจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ" นายภากร กล่าวสรุปทิ้งท้าย
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับตลาดทุน กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุนในการประชุมครั้งที่ 4/2554 ประจำเดือนเมษายน 2554 โดยระบุว่า คณะกรรมการเห็นชอบให้แก้ไขหลักเกณฑ์การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ดังนี้
1. อนุญาตให้บุคคลที่ประกาศว่าจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยมีการกำหนดเงื่อนไขไว้ แต่ต่อมาไม่ได้ทำคำเสนอซื้อตามที่ประกาศไว้ เพราะเงื่อนไขไม่สำเร็จเนื่องจากปัจจัยภายนอก เช่น เหตุจากบุคคลอื่น สามารถทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการได้โดยไม่ถูกห้ามเป็นเวลา 1 ปี ตามหลักเกณฑ์ปัจจุบัน ซึ่งนอกจากจะเป็นการให้โอกาสบุคคลดังกล่าวทำคำเสนอซื้อได้โดยไม่ต้องรอให้พ้น 1 ปีแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทไม่เสียโอกาสที่จะได้รับการเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่ตนถืออยู่
2. กำหนดให้ผู้ทำคำเสนอซื้อที่ได้หุ้นมาจนถึงจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อ จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับภายหลังการทำคำเสนอซื้อ ไม่ว่าจะมีผู้มาขายหุ้นในการทำคำเสนอซื้อหรือไม่ก็ตาม โดยห้ามผู้ทำคำเสนอซื้อได้หลักทรัพย์มาในราคาที่สูงกว่าราคาที่ทำคำเสนอซื้อเป็นเวลา 6 เดือนนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลารับซื้อ และห้ามผู้ทำคำเสนอซื้อดำเนินการใด ๆ ที่แตกต่างจากที่ระบุในคำเสนอซื้อภายในเวลา 1 ปี จากเดิมที่ห้ามเฉพาะกรณีที่มีผู้มาขายหุ้นในการทำคำเสนอซื้อเท่านั้น
3. กำหนดให้บุคคลที่ได้หุ้นมาจนถึงหรือข้ามจุดที่มีหน้าที่ทำคำเสนอซื้อ ได้รับยกเว้นไม่ต้องทำคำเสนอซื้อ หากบุคคลดังกล่าวลดสัดส่วนการถือหุ้น "ให้ต่ำกว่า " จุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อภายใน 7 วันทำการ และก่อนการลดสัดส่วนต้องงดการใช้สิทธิออกเสียงในหุ้นที่จะต้องลดสัดส่วนนั้น ซึ่งเป็นการกำหนดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าบุคคลดังกล่าวต้องลดสัดส่วน "ให้ต่ำกว่า" จุดที่มีหน้าที่ทำคำเสนอซื้อ
" ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการดังกล่าวเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ภาคธุรกิจ ซึ่งอาจมีอุปสรรคในทางปฏิบัติจากหลักเกณฑ์ซึ่งบังคับใช้มาระยะหนึ่งแล้ว และเพื่อสร้างความเท่าเทียมกันและความสมเหตุสมผลในการปฏิบัติของภาคเอกชน " นายธีระชัยกล่าว
นายธวัชชัย พิทยโสภณ ผู้อำนวยการฝ่ายงานเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า การแก้เกณฑ์ครั้งนี้ไม่ได้มีบทเรียนมาจากหุ้นกรณีใดเลย รวมถึงไม่เกี่ยวข้องกับกรณีของบริษัท เสริมสุข แต่เป็นผลมาจากกฎหมายฉบับนี้ใช้มาตั้งแต่ปี 2545 เมื่อเห็นว่ามีอุปสรรคก็แก้ไข และยังมีแนวทางแก้ไขกฎเกณฑ์ต่างๆ ต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาตลาดทุน
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการสายงายการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลท.เตรียมที่จะมีการปรับเวลาการซื้อขายหุ้นเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง เป็น 5 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งขณะนี้รอรับฟังความคิดเห็นจากบริษัทนายหน้าค้าหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) เพื่อจะเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการขยายเวลาการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 1 ชั่วโมงคาดว่าจะได้คำตอบกลับมาภายใน1-2 สัปดาห์นี้ และจะนำเสนอต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) ตลท. ภายในเดือนพฤษภาคม 2554 นี้ คาดว่าจะเริ่มปฏิบัติจริงในไตรมาส 4 ปีนี้ เพราะต้องเตรียมความพร้อมทางด้านระบบและบุคลากร
"ตอนนี้ อยู่ระหว่างให้ทางสมาคมโบรกเกอร์ ไปสำรวจความเห็นของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ขณะที่ ตลท. ได้เสนอปรับเวลาซื้อขายอาจให้เร็วขึ้น หรือจะลดเวลาพักเที่ยงเท่านั้น แต่จะไม่ขยายเวลาปิดการซื้อขาย เพราะจะส่งผลกระทบต่อระบบของโบรกเกอร์ ทำให้เวลาการปิดการซื้อขายอยู่ที่ 16.30 น. เหมือนเดิม"
ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่าหากมีการปรับเพิ่มเวลาซื้อขายเพิ่มขึ้นอีก 1 ชั่วโมง จะทำให้มูลค่าการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10%โดยคาดว่าจะเป็นมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ และในประเทศ ที่มีการส่งคำสั่งผ่านระบบการซื้อขาย (โปรแกรมเทรดดิ้ง)หรือการส่งคำสั่งซื้อขายตรง (DMA) แต่นักลงทุนรายย่อยได้ประโยชน์จากการที่จะมีสภาพคล่องการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
"คงจะไม่ไปแตะช่วงเวลาปิดตลาดเวลา14.30 น. เพราะเกรงจะกระทบกับงานหลังบ้านของโบรกเกอร์ แต่จากผลศึกษาพบว่าหากเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง มีโอกาสเพิ่มปริมาณการซื้อขาย 5-10% ซึ่งจะมาจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ" นายภากร กล่าวสรุปทิ้งท้าย
