หุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,035.42 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 17,416.75 ล้านบาท โดยดัชนีผันผวนจากแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน-แบงก์-อสังหาฯ และกลุ่มสื่อสาร
วันนี้ (25 มี.ค.) ปิดตลาดหลักทรัพย์ไทย ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,035.42 จุด เพิ่มขึ้น 1.03 จุด(+0.10%) มูลค่าการซื้อขาย 17,416.75 ล้านบาท นักวิเคราะห์ เผย ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงหลังนักลงทุนขายทำกำไรในหุ้นพลังงาน แบงก์ อสังหาฯ และสื่อสาร แต่ช่วงท้ายภาคเช้ามีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้างทำให้ปิดบวกขึ้นมาได้ แนะนักลงทุนหากหลุด 1,030 จุดเป็นโอกาสเข้าซื้อเก็บหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันสูง
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,714.72 ล้านบาท ปิดที่ 6.25 บาท ลดลง 0.20 บาท JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,038.13 ล้านบาท ปิดที่ 2.84 บาท ลดลง 0.04 บาท TOP มูลค่าการซื้อขาย 966.77 ล้านบาท ปิดที่ 83.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 789.89 ล้านบาท ปิดที่ 760.00 บาท ลดลง 6.00 บาท และ SCC มูลค่าการซื้อขาย 702.31 ล้านบาท ปิดที่ 353.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
ด้าน น.ส.ธริศา ชัยสุนทรโยธิน ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เกียรตินาคิน เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ค่อนข้างผันผวนมีแรงขายและแรงซื้อสลับกัน โดยตลาดหุ้นมีแรงขายทำกำไรของนักลงทุนออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงาน แบงก์ อสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสื่อสาร อย่าง ADVANC DTAC TRUE ที่ก่อนหน้านี้ 2-3 วันที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นไปค่อนข้างมาก แต่ช่วงท้ายภาคเช้ามีแรงซื้อเข้ามากทำให้ดัชนีปิดในแดนบวกได้ อย่างไรก็ตาม หากดัชนีตลาดทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1,035 จุดได้ ก็มีโอกาสที่ดัชนีจะไปต่อและแตะ 1,050 จุด ทั้งนี้ คาดว่า น่าจะได้เห็นในเดือนเม.ย.
สำหรับแนวโน้มช่วงบ่ายคาดว่ายังมีแรงขายทำกำไรออกมาอีก โดยหากดัชนีลงต่ำกว่าระดับ 1,030 จุด เป็นโอกาสเข้าซื้อเก็บ โดยเน้นหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ทั้งกลุ่มปิโตรเคมี โรงกลั่น โดยให้กรอบแนวรับที่ 1,030 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,050 จุด