หุ้นไทยปิดเช้าบวกตามตลาดภูมิภาค โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.93 จุด ซึ่งกลุ่มพลังงานนำตลาด หลังราคาน้ำมันพุ่งสูง ช่วงบ่ายต้องจับตาตลาดยุโรปและสถานการณ์ตลาดโลกว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเหตุการณ์ในตะวันออกกลาง
วันนี้ (18 มี.ค.) ปิดตลาดหลักทรัพย์ไทยช่วงเช้า ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,009.28 จุด เพิ่มขึ้น 6.93 จุด (+0.69%) มูลค่าการซื้อขาย 11,526.66 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อกลับหลังร่วงแรง เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาคที่เช้านี้บวกถ้วนหน้า มองเป็นเทคนิคเคิลรีบาวนด์ รับแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานขึ้นนำตลาด หลังราคาน้ำมันพุ่ง เนื่องมาจากยูเอ็นประกาศให้โจมตีทางอากาศในลิเบียได้ โดยเช้านี้น้ำมันตลาดฟิวเจอร์สบวกต่อไปอีก ส่วนสถานการณ์โรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นยังต้องติดตามใกล้ชิด บ่ายนี้จับตาตลาดยุโรปและสถานการณ์ในตลาดโลก โดยเฉพาะเหตุการณ์ตะวันออกลาง พร้อมให้แนวรับ 1,000 แนวต้าน 1,010 จุด
โดยบรรยากาศการซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,010.65 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,007.20 จุด ซึ่งหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ IVL มูลค่าการซื้อขาย 912.55 ล้านบาท ปิดที่ 50.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท IRPC มูลค่าการซื้อขาย 880.21 ล้านบาท ปิดที่ 6.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 725.84 ล้านบาท ปิดที่ 182.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 583.58 ล้านบาท ปิดที่ 744.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท และ PTT มูลค่าการซื้อขาย 526.20 ล้านบาท ปิดที่ 340.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
ด้าน น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อกลับหลังจากที่ได้ปรับตัวลงไปแรง เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า มองว่าเป็นเทคนิคเคิลรีบาวน์ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานขึ้นนำตลาด หลังจากที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 3 เหรียญ
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันพุ่งภายหลังจากที่ทางยูเอ็นได้ประกาศให้มีการโจมตีทางอากาศในลิเบีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น แม้แต่ราคาน้ำมันในตลาดฟิวเจอร์สเช้านี้ก็ยังบวกต่อได้อีก โดยราคาน้ำมันดูไบเช้านี้บวกถึง 5 เหรียญ ดังนั้น หุ้นน้ำมันจึงเป็นตัวนำในการดันตลาดวันนี้
อย่างไรก็ดี การรีบาวนด์ของตลาดจะต้องระวัง เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นแรงจะเป็นผลบวกช่วงสั้น แต่หากมองต่อไปจะเห็นได้ว่าหากราคาน้ำมันขึ้นแรงก็จะมีผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและกดดันความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ ดังนั้น เชิงกลยุทธ์แนะขายทำกำไรบ้างเมื่อราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับสถานการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่น ขณะนี้ตลาดก็ได้รับรู้ไปแล้ว แต่ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะยังถือเป็นความเสี่ยงอยู่
ขณะที่ แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.อาภาภรณ์ กล่าวว่า คงจะต้องดูตลาดในแถบยุโรปและสถานการณ์ในตลาดโลกว่าเป็นอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ในตะวันออกกลาง พร้อมให้แนวรับ 1,000 จุด แนวต้าน 1,010 จุด
