รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกคำแถลงเมื่อวันอังคาร (15) ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) โดยระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอเมริกันกำลังกระเตื้องมั่นคงขึ้น ขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากการที่น้ำมันและอาหารกำลังมีราคาพุ่งแรง น่าจะเป็นเพียงภาวะชั่วคราวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงเปิดทางให้เฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับใกล้ 0% ตลอดจนดำเนินมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “QE2” ต่อไป
คำแถลงภายหลังการประชุมเอฟโอเอ็มซี บอกว่า คณะกรรมการลงมติด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ ให้คงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งก็คือ เฟด ฟันด์ เรต เอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% รวมทั้งยังเดินหน้ามาตรการรับซื้อพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มูลค่า 600,000 ล้านดอลลาร์ ที่เป็นส่วนสำคัญของมาตรการทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 2 ที่นิยมเรียกกันว่า การผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 2 (quantitative easing 2 หรือ QE2) ถึงแม้คณะกรรมการกำลังประเมินเศรษฐกิจโดยรวมและตลาดแรงงานไปในทางสดใสขึ้นมาก
ในคำแถลงนี้ไม่ได้เอ่ยถึงญี่ปุ่น ซึ่งกำลังต่อสู้ดิ้นรนหนักภายหลังประสบภัยภิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นสีตามิที่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง แล้วยังต้องเผชิญกับวิกฤตนิวเคลียร์อันน่าหวาดผวาเข้าไปอีก โดยที่นักวิเคราะห์หลายราย คาดหมายว่า คงเป็นเพราะในเวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินขนาดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับแดนอาทิตย์อุทัยตลอดจนผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
ตำแถลงพูดถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่า “การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังมีพื้นฐานที่มั่นคงมากขึ้น และเงื่อนไขโดยรวมในตลาดแรงงานก็ดูจะกำลังกระเตื้องขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
การประเมินของเฟดคราวนี้ มองทิศทางอนาคตไปในทางสดใสขึ้นมากจากที่ได้เคยให้ไว้ภายหลังการประชุมเอฟโอเอ็มซีครั้งก่อนในเดือนมกราคม โดยในตอนนั้นเฟด กล่าวว่า การฟื้นตัวยังคงอ่อนแอเกินกว่าที่จะสามารถทำให้อัตราการว่างงานลดต่ำลงอย่างสำคัญ
คำแถลงครั้งล่าสุดนี้ยังละทิ้งไม่ใช้ถ้อยคำที่พูดว่า เศรษฐกิจกำลังเจริญเติบโตไป “อย่างเชื่องช้าน่าผิดหวัง” ตลอดจนข้อความที่ระบุถึงอุปสรรคต่างๆ ที่กำลังขัดขวางการใช้จ่ายของผู้บริโภค นอกจากนั้น ในคราวนี้เฟดยังไม่เอ่ยข้อความที่ว่า พวกนายจ้างยังคงลังเลที่จะว่าจ้างแรงงานเพิ่ม
จากท่าทีของเอฟโอเอ็มซีเช่นนี้ ทำให้นักวิเคราะห์ อย่างเช่น ออกุสติน ฟาวเชอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐศาสตร์มหภาค แห่งค่าย มูดีส์ แอนาไลติกส์ ลงความเห็นว่า เฟดกำลังปูพื้นเพื่อไปสู่การยุติการใช้บรรดามาตรการทางการเงินซึ่งมุ่งกระตุ้นสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเมื่อจากตัวเลขข้อมูลที่ออกมาในช่วงหลังๆ นี้ ก็เห็นกันอยู่แล้วว่า เศรษฐกิจกำลังเข้มแข็งขึ้น ตลาดมองสถานการณ์โดยทั่วไปในแง่บวก และการจ้างงานก็กำลังดีขึ้น
กระนั้น คำแถลงของเฟดก็ยังชี้ถึงปัญหาที่ยังหนักหน่วงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการว่างงานที่ยังถือว่าสูงอยู่ และภาคที่อยู่อาศัยซึ่งยังย่ำแย่
ในคำแถลงครั้งนี้ เฟดให้เนื้อที่ในการกล่าวถึงความวิตกเรื่องอัตราเงินเฟ้อจากการที่ราคาน้ำมันและอาหารทะยานขึ้นอย่างแรงในช่วงระยะหลังๆ มานี้ โดยเฟดกล่าวว่าจะเฝ้าติดตามอัตราเงินเฟ้อและความคาดหมายเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในอนาคตอย่างใกล้ชิดต่อไป แต่ก็บอกด้วยว่า สถานการณ์ดูจะสามารถควบคุมได้ โดยความคาดหมายเกี่ยวกับเงินเฟ้อในระยะยาว ยังคงมีเสถียรภาพ
คำแถลงภายหลังการประชุมเอฟโอเอ็มซี บอกว่า คณะกรรมการลงมติด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ ให้คงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งก็คือ เฟด ฟันด์ เรต เอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% รวมทั้งยังเดินหน้ามาตรการรับซื้อพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มูลค่า 600,000 ล้านดอลลาร์ ที่เป็นส่วนสำคัญของมาตรการทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 2 ที่นิยมเรียกกันว่า การผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 2 (quantitative easing 2 หรือ QE2) ถึงแม้คณะกรรมการกำลังประเมินเศรษฐกิจโดยรวมและตลาดแรงงานไปในทางสดใสขึ้นมาก
ในคำแถลงนี้ไม่ได้เอ่ยถึงญี่ปุ่น ซึ่งกำลังต่อสู้ดิ้นรนหนักภายหลังประสบภัยภิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นสีตามิที่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง แล้วยังต้องเผชิญกับวิกฤตนิวเคลียร์อันน่าหวาดผวาเข้าไปอีก โดยที่นักวิเคราะห์หลายราย คาดหมายว่า คงเป็นเพราะในเวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินขนาดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับแดนอาทิตย์อุทัยตลอดจนผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
ตำแถลงพูดถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่า “การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังมีพื้นฐานที่มั่นคงมากขึ้น และเงื่อนไขโดยรวมในตลาดแรงงานก็ดูจะกำลังกระเตื้องขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
การประเมินของเฟดคราวนี้ มองทิศทางอนาคตไปในทางสดใสขึ้นมากจากที่ได้เคยให้ไว้ภายหลังการประชุมเอฟโอเอ็มซีครั้งก่อนในเดือนมกราคม โดยในตอนนั้นเฟด กล่าวว่า การฟื้นตัวยังคงอ่อนแอเกินกว่าที่จะสามารถทำให้อัตราการว่างงานลดต่ำลงอย่างสำคัญ
คำแถลงครั้งล่าสุดนี้ยังละทิ้งไม่ใช้ถ้อยคำที่พูดว่า เศรษฐกิจกำลังเจริญเติบโตไป “อย่างเชื่องช้าน่าผิดหวัง” ตลอดจนข้อความที่ระบุถึงอุปสรรคต่างๆ ที่กำลังขัดขวางการใช้จ่ายของผู้บริโภค นอกจากนั้น ในคราวนี้เฟดยังไม่เอ่ยข้อความที่ว่า พวกนายจ้างยังคงลังเลที่จะว่าจ้างแรงงานเพิ่ม
จากท่าทีของเอฟโอเอ็มซีเช่นนี้ ทำให้นักวิเคราะห์ อย่างเช่น ออกุสติน ฟาวเชอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐศาสตร์มหภาค แห่งค่าย มูดีส์ แอนาไลติกส์ ลงความเห็นว่า เฟดกำลังปูพื้นเพื่อไปสู่การยุติการใช้บรรดามาตรการทางการเงินซึ่งมุ่งกระตุ้นสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเมื่อจากตัวเลขข้อมูลที่ออกมาในช่วงหลังๆ นี้ ก็เห็นกันอยู่แล้วว่า เศรษฐกิจกำลังเข้มแข็งขึ้น ตลาดมองสถานการณ์โดยทั่วไปในแง่บวก และการจ้างงานก็กำลังดีขึ้น
กระนั้น คำแถลงของเฟดก็ยังชี้ถึงปัญหาที่ยังหนักหน่วงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการว่างงานที่ยังถือว่าสูงอยู่ และภาคที่อยู่อาศัยซึ่งยังย่ำแย่
ในคำแถลงครั้งนี้ เฟดให้เนื้อที่ในการกล่าวถึงความวิตกเรื่องอัตราเงินเฟ้อจากการที่ราคาน้ำมันและอาหารทะยานขึ้นอย่างแรงในช่วงระยะหลังๆ มานี้ โดยเฟดกล่าวว่าจะเฝ้าติดตามอัตราเงินเฟ้อและความคาดหมายเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในอนาคตอย่างใกล้ชิดต่อไป แต่ก็บอกด้วยว่า สถานการณ์ดูจะสามารถควบคุมได้ โดยความคาดหมายเกี่ยวกับเงินเฟ้อในระยะยาว ยังคงมีเสถียรภาพ