xs
xsm
sm
md
lg

TPC ชี้ ราคาพีวีซีพุ่งตามน้ำมัน คาดมีโอกาสแตะตันละ 1,200 เหรียญสหรัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ราคาเม็ดพลาสติกพีวีซีพุ่งพรวดตามราคาน้ำมัน มีโอกาสขยับแตะตันละ 1,200 เหรียญสหรัฐ หากความวุ่นวายในตะวันออกกลางยืดเยื้อทำให้ราคาน้ำมันดิบยืน 100 เหรียญสหรัฐ/ตัน "ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์"ฟุ้งปีนี้รายได้3.2 หมื่นล้านบาท โต 12-13% ตามปริมาณการผลิตพีวีซีที่เพิ่มขึ้น มั่นใจโรงขยายวีซีเอ็มได้รับใบอนุญาตให้เดินเครื่อง ต.ค.นี้ เร่งหาโอกาสทำM&A โครงการดาวน์สตรีมจากพีวีซีทั้งไทยและอาเซียน

นายคเณศ ขาวจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) (TPC) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์การประท้วงที่ลุกลามในหลายประเทศแถบตะวันออกกลางส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขยับขึ้นมาที่ 107 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ราคาเม็ดพลาสติกพีวีซีปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1,090 เหรียญสหรัฐ/ตัน และมีโอกาสที่ราคาพีวีซีจะปรับเพิ่มขึ้นแตะที่ 1,200 เหรียญสหรัฐ/ตัน หากราคาน้ำมันดิบยังยืนอยู่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตลาดโลก

ส่วนราคาวัตถุดิบ คือ เอทิลีนก็ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 1,300 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ราคาอีดีซีทรงตัวอยู่ที่ 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้ส่วนต่างราคาพีวีซีกับอีดีซี (สเปรด) ปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 510 เหรียญสหรัฐ/ตัน ดีกว่าปีก่อนที่สเปรดอยู่ที่ 460 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทคาดว่ามีรายได้ประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท โตขึ้น 12-13% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตใกล้เคียงปริมาณการผลิตพีวีซีที่เพิ่มขึ้นในปีนี้จากเดิม 7.13 แสนตัน/ปี เป็น 8.05 แสนตัน/ปี โดยยอมรับอัตราการเติบโตของรายได้ปีนี้ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่เคยตั้งไว้ 15-20% เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งบริษัทประเมินค่าเงินบาทไว้ที่ 29 บาท/เหรียญสหรัฐ แข็งค่ากว่าปีที่แล้วค่าเงินบาทเฉลี่ย 31 บาท/เหรียญสหรัฐ

นายคเณศกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการส่วนขยายกำลังการผลิตอีดีซี เงินลงทุน 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการในมาบตาพุดที่ต้องทำEHIAนั้น บริษัทมั่นใจว่าจะรับในอนุญาตให้ประกอบกิจการได้ในเดือนต.ค.นี้ และเริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ได้ทันที เนื่องจากเป็นโครงการขยายกำลังการผลิตแบบคอขวด ส่วนโครงการขยายกำลังการผลิตแบบคอขวดของพีวีซีอีก 5 หมื่นตัน เงินลงทุน 100 ล้านบาท ได้ผลิตเชิงพาณิชย์แล้วตั้งแต่ปลายปี 2553 ส่งผลให้ปีนี้บริษัทมีกำลังการผลิตพีวีซีเพิ่มขึ้นอีก 9 หมื่นตันจากโรงงานผลิตพีวีซีใน 3 ประเทศทั้งไทย เวียดนามและอินโดนีเซีย

ส่วนแผนการลงทุนของบริษัทในอนาคต จะเน้นการลงทุนโครงการดาวน์สตรีม หวังต่อยอดจากเม็ดพลาสติกพีวีซีเป็นหลัก เนื่องจากไม่สามารถลงทุนปิโตรเคมีต้นน้ำ (UP STREAM) ได้ จากความเข้มงวดข้อกฎหมายสิ่งแวดล้อม และยังช่วยลดการผันผวนของราคาเม็ดพลาสติก โดยปีนี้บริษัทลูก คือ บริษัท นวพลาสติก จะลงทุนทำท่อพีวีซี ประตู หน้าต่างจากไม้เทียมเพิ่มเติมในไทย คาดใช้เงินลงทุน 200-400 ล้านบาท รวมทั้งศึกษาโอกาสการลงทุนตั้งโรงงานทำท่อพีวีซีในทวาย สหภาพพม่า คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 10-50 ล้านบาท โดยจะเป็นการร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ ซึ่งนวพลาสติกถือหุ้นใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้นวพลาสติกได้ลงทุนโรงงานทำท่อพีวีซีที่ลาว และกัมพูชา

นอกจากนี้ ยังมองโอกาสซื้อกิจการหรือควบรวม (M&A) ในธุรกิจต่อเนื่องจากพีวีซีทั้งไทยและอาเซียน คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 1,000 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น