หุ้นไทยปิดบวก 5.67 จุด ตลาดกระเตื้องรับเงินเฟ้อจีนต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ ยังได้แรงซื้อกลุ่มแบงก์หนุน ทำให้ดัชนีภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 972.74 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.59% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 15,427.75 ล้านบาท บ่ายคาดตลาดปรับตัวขึ้นอาจต้องเผชิญแรงขายทำกำไรบางส่วน ให้แนวรับ 963 จุด แนวต้าน 980 จุด
วันนี้ (15 ก.พ.) ตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดที่ระดับ 972.74 จุด เพิ่มขึ้น 5.67 จุด(+0.59%) มูลค่าการซื้อขาย 15,427.75 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้น รับผลบวกจากเงินเฟ้อของจีนออกมาต่ำกว่าคาด-ได้แรงหนุนจากต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเมื่อวานนี้ โดยตลาดฯมีแรงซื้อชัดเจนเข้ามาที่กลุ่มแบงก์ หนุนให้ตลาดดีดตัวขึ้น ส่วนตลาดภูมิภาคก็แกว่งบวก-ลบ มองจีน-ประเทศในแถบเอเชียคงยังคุมเข้มนดยบายการเงินต่อไป อีกทั้งยังต้องติดตามเสถียรภาพในตะวันออกกลาง, การทยอยประกาศงบของบริษัท-การจ่ายปันผล, สถานการณ์การเมืองไทย รวมถึงการควบรวม PTTAR,PTTCH ที่จะประกาศได้ก่อนสิ้น ก.พ.นี้ ช่วงบ่ายตลาดฯอาจเผชิญแรงขายทำกำไร พร้อมให้แนวรับ 963 แนวต้าน 980 จุด
โดยบรรยากาศการซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 975.70 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 968.43 จุด ซึ่งหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,655.12 ล้านบาท ปิดที่ 114.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท TMB มูลค่าการซื้อขาย 1,354.44 ล้านบาท ปิดที่ 2.28 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,176.79 ล้านบาท ปิดที่ 98.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,051.33 ล้านบาท ปิดที่ 728.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 880.42 ล้านบาท ปิดที่ 156.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท
ด้าน นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้รับผลบวกจากตัวเลขเงินเฟ้อของจีนออกมาที่ 4.9% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 5.3% และจากการที่นักลงทุนต่างชาติได้กลับมาซื้อสุทธิเมื่อวานนี้ ทำให้เป็นแรงหนุนตลาดให้รีบาวนด์ได้ด้วย
ทั้งนี้ ตลาดได้รับแรงซื้อเข้ามาอย่างชัดเจนจากหุ้นในกลุ่มแบงก์ ซึ่งหนุนให้ตลาดมีการดีดตัวขึ้น สำหรับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็มีการแกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ เนื่องจากมีการมองกันว่าตัวเลขเงินเฟ้อของจีนแม้จะออกมาต่ำกว่าคาด แต่ตัวเลข PPI ออกมา 6.6% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 6.1% ทำให้มองว่าทิศทางนโยบายการเงินจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยจีนและประเทศในแถบเอเชียคงจะยังคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป
นอกจากนี้ ตลาดยังมีปัจจัยที่ยังต้องติดตามในเรื่องเสถียรภาพของตะวันออกกลาง, การทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและการจ่ายเงินปันผล, สถานการณ์การเมืองไทย และการควบรวมกิจการระหว่าง PTTAR กับ PTTCH ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศก่อนสิ้นเดือนนี้ (ก.พ.) โดยจะต้องรอดูว่าจะมีการแลกหุ้นที่ ratio เท่าไร เพราะจะต้องมีตัวใดตัวหนึ่งได้เปรียบ โดยทางเราได้มองว่า PTTCH น่าจะได้เปรียบในการแลกหุ้นครั้งนี้
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายพิชัย กล่าวว่า ตลาดที่ปรับตัวขึ้นมาในช่วงเช้าอาจจะต้องเผชิญแรงขายทำกำไรบางส่วนเหมือนกัน พร้อมให้แนวรับ 963 จุด แนวต้าน 980 จุด