เอเจนซี-ยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจอันดับสองของโลกแห่งแดนมังกร มียอดขาดดุลการค้าครั้งแรกในรอบเกือบปี จากสถิติของกรมศุลกากรเผยเมื่อวันพฤหัสฯ(10 มี.ค.) ระบุตัวเลขขาดดุลการค้าจีนเดือนกุมภาพันธ์ มีมูลค่า เท่ากับ 7,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับเป็นการขาดดุลการค้าครั้งแรกนับจากเดือนมี.ค. 2553 และครั้งที่สองในรอบเจ็ดปีมานี้ เทียบกับยอดเกินดุลการค้าเดือนม.ค. ซึ่งอยู่ที่ 6,450 ล้านเหรียญสหรัฐ
กรมศุลกากรจีนชี้ปัจจัยที่ทำให้เกิดยอดขาดดุลฯนี้เนื่องจากการส่งออกชะลอตัวในช่วงเทศกาลตรุษจีนเมื่อต้นเดือนก.พ. ขณะที่การนำเข้าคึกคักมากจากการขยายตัวของการนำเข้าน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ตลอดจนราคาสินค้าที่พุ่งสูง
โดยในเดือนก.พ. ยอดส่งออกขยายตัวเพียง 2.4 เปอร์เซนต์ จากปีก่อนหน้า เท่ากับ 96,740 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ยอดนำเข้า ดีดตัวสูงขึ้น ที่ระดับ 19.4 เปอร์เซนต์ เท่ากับ 104,040 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ กลุ่มวิเคราะห์ยังคาดการณ์ตัวเลขเกินดุลการค้าเดือนก.พ. ที่ 3,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้จากตัวเลขแหล่งข่าว ดาว โจน์ส นิวสไวร์ส
แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักวิเคราะห์ชี้ว่าตัวเลขขาดดุลฯนี้จะไม่ช่วยลดทอนกระแสเรียกร้องปรับค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นจากต่างชาติ โดยชี้ว่าเป็นเรื่องปกติที่การขยายตัวการค้าทั้งนำเข้าและส่งออกจะคึกคักในช่วงก่อนเทศกาลเนื่องจากกลุ่มโรงงานอัดฉีดการผลิตเพื่อสนองความต้องการ จากนั้นก็จะชะลอตัวในเดือนต่อมา
วันเดียวกัน ไชน่า เดลี่รายงานคำเตือนภาวะเงินเฟ้อของที่ปรึกษาธนาคารประชาชน หรือธนาคารกลางจีน นาย หลี่ เต้าขุย ว่า เงินเฟ้อปีนี้ อาจพุ่งแตะระดับ 5 เปอร์เซนต์ เนื่องจากปัจจัยราคาสินค้าวัตถุดิบและค่าแรงที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้สถานการณ์เงินเฟ้อจีนในเดือนม.ค.ยังร้อนระอุ ด้วยดัชนีราราผู้บริโภค หรือซีพีไอ สูง 4.9 เปอร์เซนต์ ปีต่อปี แม้รัฐบาลได้ออกมาตรการหลายชุดเพื่อกดราคาให้ต่ำลงแล้วก็ตาม.