ตลาดหลักทรัพย์ เล็งให้อินเซนทีฟสถาบันต่างชาตินำดัชนีตลาดหุ้นไทยไปออกกองทุนอีทีเอฟ เอื้อนักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยสะดวกมากขึ้น ประเดิม ญี่ปุ่น ประเทศแรก พร้อมยังคงวงเงินร่วมทุนอีทีเอฟกับกองทุนในประเทศ 20 ล้านบาท
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ สายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์มีแผนที่จะเข้าไปหารือกับทางกองทุนต่างประเทศเพื่อที่จะให้นำดัชนี SET 50 ไปใช้อ้างอิงในการออกกองทุนอีทีเฟ ซึ่งขณะนี้ทางตลาดหลักทรัพย์ได้มีการเข้าไปหารือกับทางกองทุนญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งคาดว่าจะทราบผลภายในต้นไตรมาส 2/54 นี้ ว่ากองทุนญี่ปุ่นดังกล่าวจะมีการนำดัชน SET 50 ของตลาดหลักทรัพย์ไปออกกองทุนอีทีเอฟหรือไม่
ทั้งนี้ การที่มีกองทุนต่างประเทศนำดัชนีของตลาดหุ้นไทยไปอ้างอิงในการออกองทุนนั้นทางตลาดหลักทรัพย์จะมีให้สิทธิประโยชน์เพื่อเป็นแรงจูงใจ (อินเซ็นทีฟ) ให้กองทุนต่างประเทศนำดัชนีตลาดหุ้นไทยไปใช้ เช่น ตลาดหลักทรัพย์จะช่วยในการทำการตลาดต่างให้กับกองทุนนั้น ฯลฯ แต่ทางตลาดหลักทรัพย์จะมีการคิดค่าธรรมเนียมในการใช้ดัชนีของตลาดหุ้นไทย
สำหรับปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ยังคงมีการสนับสนุนให้กองทุนในประเทศมีการออกกองทุนอีทีเอฟ โดยการตั้งงบในการร่วมลงทุนมูลค่า 20 ล้านบาท ซึ่งจะลงทุนกองทุนละ 4 ล้านบาท จำนวน 5 กองแรก ที่มีการออกกองทุนอีทีเอฟในปีนี้ โดยทางตลาดหลักทรัพย์อยากให้มีการออกกองทุนอีทีเอฟออกมาเป็นชุดๆ 5-6 กองทุน ในครั้งเดียว จากเดิมที่จะออกทีละกอง เนื่องจาก ชต้องการให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนที่หลายหลายจากมีกองทุนอีทีเอฟหลายกองทุนให้สามารถลงทุนได้ตามความต้องการ จากปัจจุบันยังมีกองทุนอีทีเอฟเพียง 4 กองทุน
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์กำลังศึกษาที่จะมีการเพิ่มสินค้าใหม่เข้ามาในตลาดหุ้นมากขึ้น เช่น ตราสาร TDR ให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ส่วนสินค้าใหม่ที่จะมีการเปิดให้เสนอขายในปีนี้ยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าโลหะเงิน (Silver Futures )ในเดือนมิถุนายนนี้ และสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า (Oil Futures) และกองทุนอีทีเอฟ นั้นอยู่ระหว่างการดำเนินงาน
“หากกองทุนญี่ปุ่นมีการนำดัชนีตลาดหุ้นไทยไปออกกองทุนอีทีเอฟเพื่อขายนักลงทุนญี่ปุ่นนั้น ก็จะทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นสามารถลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้โดยตรง ในหุ้นทั้ง 50 ตัว มีความสะดวกมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องเข้ามาลงทุนในหุ้นรายตัว ซึ่งแผนการเพิ่มสินค้าใหม่เป็นไปตามแผนที่จะมีการเปิดเทรด เงิน น้ำมัน และกองทุนอีทีเอฟ และ TDR ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินงาน” นายภากร กล่าว
นายภากร กล่าวว่า แผนการเดินทางไปโรดโชว์ต่างประเทศนั้น ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างการทำแผนงานการไปในปีนี้ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศกลุ่มเดิมที่มีการลงทุนในไทยและมีการโรดโชว์เป็นประจำ เช่น ลอนดอน นิวยอร์ก ญี่ปุ่น 2.กลุ่มประเทศที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินใหม่ที่ยังไม่เคยลงทุนในตลาดหุ้นไทย เช่น ออสเตรเลีย โตรอนโต ประเทศแคนาดา ซานฟานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา 3.การไปโรดโชว์พบกับนักลงทุนสถาบันโดยตรง (ดอร์ทูดอร์) คือ ที่มีแหล่งเงินทุนปริมาณมากแต่ไม่เคยมีใครแนะนำให้มาลงทุนอย่าง จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ ที่จะเริ่มเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลาง
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ สายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์มีแผนที่จะเข้าไปหารือกับทางกองทุนต่างประเทศเพื่อที่จะให้นำดัชนี SET 50 ไปใช้อ้างอิงในการออกกองทุนอีทีเฟ ซึ่งขณะนี้ทางตลาดหลักทรัพย์ได้มีการเข้าไปหารือกับทางกองทุนญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งคาดว่าจะทราบผลภายในต้นไตรมาส 2/54 นี้ ว่ากองทุนญี่ปุ่นดังกล่าวจะมีการนำดัชน SET 50 ของตลาดหลักทรัพย์ไปออกกองทุนอีทีเอฟหรือไม่
ทั้งนี้ การที่มีกองทุนต่างประเทศนำดัชนีของตลาดหุ้นไทยไปอ้างอิงในการออกองทุนนั้นทางตลาดหลักทรัพย์จะมีให้สิทธิประโยชน์เพื่อเป็นแรงจูงใจ (อินเซ็นทีฟ) ให้กองทุนต่างประเทศนำดัชนีตลาดหุ้นไทยไปใช้ เช่น ตลาดหลักทรัพย์จะช่วยในการทำการตลาดต่างให้กับกองทุนนั้น ฯลฯ แต่ทางตลาดหลักทรัพย์จะมีการคิดค่าธรรมเนียมในการใช้ดัชนีของตลาดหุ้นไทย
สำหรับปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ยังคงมีการสนับสนุนให้กองทุนในประเทศมีการออกกองทุนอีทีเอฟ โดยการตั้งงบในการร่วมลงทุนมูลค่า 20 ล้านบาท ซึ่งจะลงทุนกองทุนละ 4 ล้านบาท จำนวน 5 กองแรก ที่มีการออกกองทุนอีทีเอฟในปีนี้ โดยทางตลาดหลักทรัพย์อยากให้มีการออกกองทุนอีทีเอฟออกมาเป็นชุดๆ 5-6 กองทุน ในครั้งเดียว จากเดิมที่จะออกทีละกอง เนื่องจาก ชต้องการให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนที่หลายหลายจากมีกองทุนอีทีเอฟหลายกองทุนให้สามารถลงทุนได้ตามความต้องการ จากปัจจุบันยังมีกองทุนอีทีเอฟเพียง 4 กองทุน
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์กำลังศึกษาที่จะมีการเพิ่มสินค้าใหม่เข้ามาในตลาดหุ้นมากขึ้น เช่น ตราสาร TDR ให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ส่วนสินค้าใหม่ที่จะมีการเปิดให้เสนอขายในปีนี้ยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าโลหะเงิน (Silver Futures )ในเดือนมิถุนายนนี้ และสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า (Oil Futures) และกองทุนอีทีเอฟ นั้นอยู่ระหว่างการดำเนินงาน
“หากกองทุนญี่ปุ่นมีการนำดัชนีตลาดหุ้นไทยไปออกกองทุนอีทีเอฟเพื่อขายนักลงทุนญี่ปุ่นนั้น ก็จะทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นสามารถลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้โดยตรง ในหุ้นทั้ง 50 ตัว มีความสะดวกมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องเข้ามาลงทุนในหุ้นรายตัว ซึ่งแผนการเพิ่มสินค้าใหม่เป็นไปตามแผนที่จะมีการเปิดเทรด เงิน น้ำมัน และกองทุนอีทีเอฟ และ TDR ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินงาน” นายภากร กล่าว
นายภากร กล่าวว่า แผนการเดินทางไปโรดโชว์ต่างประเทศนั้น ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างการทำแผนงานการไปในปีนี้ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศกลุ่มเดิมที่มีการลงทุนในไทยและมีการโรดโชว์เป็นประจำ เช่น ลอนดอน นิวยอร์ก ญี่ปุ่น 2.กลุ่มประเทศที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินใหม่ที่ยังไม่เคยลงทุนในตลาดหุ้นไทย เช่น ออสเตรเลีย โตรอนโต ประเทศแคนาดา ซานฟานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา 3.การไปโรดโชว์พบกับนักลงทุนสถาบันโดยตรง (ดอร์ทูดอร์) คือ ที่มีแหล่งเงินทุนปริมาณมากแต่ไม่เคยมีใครแนะนำให้มาลงทุนอย่าง จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ ที่จะเริ่มเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลาง