"ปูนกลาง" แจงรายได้รวมไตรมาส 4 ปี 53 ลดลง หลังสถานการณ์ปูนซีเมนต์ ต้นทุนเพิ่มทั้งวัตถุดิบและน้ำมัน ส่งผลให้มีแผนปรับราคาขายขึ้นจาก 110 เป็น 120 บาทต่อถุง ขณะที่ ราคาเฉลี่ยหน้าโรงงานควบคุมให้อยู่ที่ 125 บาท
วันนี้ (12 ก.พ.) นายฟิลิป อาร์โต้ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2553 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 5,338 ล้านบาท แต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาราคาปูนในประเทศลดลงทำให้อัตราการทำกำไรสุทธิลดลง 15.7% ทำให้ไตรมาสนี้มีกำไรสุทธิ 571 ล้านบาท ส่วนทั้งปี 2553 มีกำไรสุทธิ 2,701 ล้านบาท จากปีก่อนหน้ากำไร 2,946 ล้านบาท โดยจะจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 11 บาท ซึ่งเมื่อเดือนสิงหาคมจ่ายแล้ว 6 บาท เหลืออีก 5 บาทจะจ่ายในเดือนพฤษภาคมนี้
ด้านนางจันทนา สุขุมานนท์ รองประธานบริหารการตลาดและงานขาย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ราคาปูนซีเมนต์ในขณะนี้ปูนผสมเสร็จอยู่ที่ 110 บาทต่อถุง ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะปรับขึ้นเป็น 120 บาทต่อถุงในอนาคต เนื่องจากต้นทุนเพิ่มขึ้นทั้งวัตถุดิบและราคาน้ำมัน ส่วนราคาส่งออกปรับเพิ่มขึ้นแล้วจาก 42 เหรียญสหรัฐต่อตันมาอยู่ 45 เหรียญสหรัฐต่อตัน (ปูนเม็ด)
"ราคาขายปูนในประเทศที่ปรับขึ้นนั้นยังต่ำกว่าราคาเพดานที่กรมการค้าภายในควบคุม ซึ่งเฉลี่ยราคาควบคุมหน้าโรงงานอยู่ที่ 125 บาทต่อถุง"
นางจันทนา กล่าวอีกว่า บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดในการส่งออกปูนไปยังกัมพูชากว่า 40% ซึ่งกรณีเกิดการสู้รบนั้น ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบ เพราะยังมีการสั่งซื้อสินค้าเป็นปกติ
