หุ้นไทยแกว่งตัวแดนลบ แม้มีจังหวะดีดตัวบวกขึ้นมาบ้าง แต่สุดท้ายก็ปิดลดลง 7.75 จุด หรือติดลบ 0.82% มูลค่าการซื้อขาย 15,976.96 ล้านบาท โดยนักวิเคราะห์มองว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดภูมิภาค ซึ่งเม็ดเงินไหลออกตลาดกลับไปสู่ตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ และยุโรป บ่ายคาดเคลื่อนไหวในกรอบเดียวกับช่วงเช้า
วันนี้ (11 ก.พ.) ปิดตลาดหลักทรัพย์ภาคเช้า ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ และมีจังหวะที่ดีดตัวขึ้นไปในแดนบวกบ้าง โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 951.74 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 937.06 จุด ซึ่งหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,603.33 ล้านบาท ปิดที่ 101.00 บาท ลดลง 2.50 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,598.62 ล้านบาท ปิดที่ 314.00 บาท ลดลง 6.00 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,495.90 ล้านบาท ปิดที่ 684.00 บาท ลดลง 10.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,409.53 ล้านบาท ปิดที่ 96.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท และ CPALL มูลค่าการซื้อขาย 764.88 ล้านบาท ปิดที่ 32.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
ด้าน นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงต่อจากเมื่อวาน เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาค เนื่องจากเม็ดเงินไหลออกจากตลาด emerging market กลับไปตลาดหลักอย่างในสหรัฐฯ และยุโรป
ขณะที่เหตุการณ์ในประเทศอียิปต์ ก็กลับมากดดันตลาดอีกครั้ง หลังประธานาธิบดี มูบารัค ออกมาระบุว่า จะโอนอำนาจในการบริหารประเทศให้กับรองประธานาธิบดี แต่ยังไม่ยอมลาออก
สำหรับด้านปัจจัยการเมืองในประเทศยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หลังได้มีการระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 13 กองร้อย ปิดล้อมถนนโดยรอบรัฐสภา เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มพันธมิตรฯอาจจะมีการเคลื่อนตัวเข้ามา และยังต้องติดตามการเคลื่อนขบวนรถของกลุ่มพันธมิตรฯไปให้กำลังใจและมอบสิ่งของกับประชาชนในจังหวัดศรีสะเกษ แต่มองว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง
อย่างไรก็ตาม การคาดหวังเรื่องผลประกอบการณ์ของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ที่กำลังทยอยประกาศออกมา และมีแนวโน้มแข็งแกร่ง ทำให้ช่วยจำกัดกรอบการปรับตัวลงของดัชนีได้
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายวรุตม์ กล่าวว่า ตลาดคงเคลื่อนไหวเหมือนช่วงเช้า พร้อมให้แนวรับ 942 และ 937 จุด แนวต้าน 956 และ 960 จุด