xs
xsm
sm
md
lg

ต่างชาติทิ้งหุ้น 3 พัน ล.ผวาศึกเขมร-ไทย คาดดัชนีปีนี้ผันผวน 200 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นักลงทุนต่างชาติ ขายทิ้งหุ้นไทยเกือบ 3 พันล้านบาท หวั่นปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา บานปลาย แม้ได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นภูมิภาคช่วงท้ายผลักดันให้ดัชนีปิดบวก 0.85 จุด บล.กสิกรไทย ชี้ ปัญหาชายแดนไทย-เขมร กระทบจิติวิทยาการลงทุนระยะสั้น คาดดัชนีปีนี้ผันผวน 200 จุด หุ้นเด่นปีนี้ พลังงาน-บริการ ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯแนะนักลงทุนพิจารณาการลงทุนจากปัจจัยพื้นฐาน บจ.

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (7 ก.พ.) ได้รับแรงกดดันจากเหตุการณ์ปะทะในเขตชายแดนของไทย-กัมพูชา ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตั้งแต่เปิดซื้อขายในช่วงเช้า แต่สามารถปรับตัวบวกได้ในช่วงท้ายตลาด หลังจากตลาดหุ้นภูมิภาคอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีจุดต่ำสุดที่ 974.78 จุด และปิดที่ระดับสูงสุด ระดับ 985.63 จุด เพิ่มขึ้น 0.85 จุด(+0.09%) มูลค่าการซื้อขาย 24,267.71 ล้านบาท ที่ SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 985.63 จุด เพิ่มขึ้น 0.85 จุด หรือคิดเป็น 0.09% มูลค่าการซื้อขาย 24,267.71 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างขายสุทธิรวม 2,972.24 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 824.45 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 330.45 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,817.34 ล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า วานนี้ (7 ก.พ.) ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยลบจากเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย-เขมร และกังวลเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บวกกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศเทขายหุ้นออกมา

อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายตลาดดัชนีตลาดหุ้นภูมิภาคมีทิศทางดีขึ้น จากดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส่งสัญญาณที่ดี รวมถึงท่าทีของรัฐบาลที่แสดงให้เห็นว่าปัญหาชายแดนไทย-เขมร น่าจะจบลงโดยเร็ว ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้น และปิดสูงกว่าราคาปิดครั้งก่อนเล็กน้อย

สำหรับแนวโน้มการลงทุนวันนี้ (8 ก.พ.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่นักลงทุนได้รับทราบสถานการณ์ปะทะระหว่างไทย-เขมร มากแล้ว และ คาดว่าน่าจะได้รับแรงหนุนจากดาวโจนส์ด้วย เชื่อว่าคืนนี้ดาวโจนส์น่าจะปรับตัวขึ้นได้ จากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยให้แนวรับไว้ที่ระดับ 970 จุด และแนวต้านที่ 995 จุด

นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากปัญหาชายแดนไทยและกัมพูชานั้นมีผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่ไม่มีผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของไทยในด้านการเติบโตเศรษฐกิจ การออกส่งออก เพราะไทยกับกัมพูชานั้นมีส่วนเพียงแค่การค้าขายชายแดนเท่านั้น ซึ่งส่วนตัวเชื่อปัญหาดังกล่าวจะคลี่ยคลายก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยจะต้องติดตามดูว่าทางออกของปัญหาจะเป็นอย่างไร ส่วนผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนไทยนั้น จากที่มีการสำรวจพบว่า มี บจ.เข้าลงทุนในกัมพูชาไม่มาก และคิดเป็นสัดส่วนรายได้เพียง 1% เท่านั้น

ทั้งนี้ ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จะเป็นลักษณะความผันผวนในทิศทางขาขึ้นเล็กน้อย โดยคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 15% หรือประมาณ 1,200 จุด เนื่องจาก เศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป จึงทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวในระดับ 100 -200 จุด ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 900 จุด ได้ จากปัจจัยเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นและเศรษฐกิจจะเติบโตต่อได้หรือไม่ บล.กสิกรไทย จึงมองกรอบการแกว่างตัวของดัชนีปีนี้ที่ 915-1,200 จุด

สำหรับหุ้นที่จะได้รับผลดีในปีนี้ คือ หุ้นกลุ่มพลังงาน จากที่ได้ประโยชน์จากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวตัวจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการปรับตัวสูงขึ้นและได้ประโยชน์จากวงจรการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หุ้นกลุ่มบริการ จากการที่บริษัทได้มีการขยายกำลังการผลิตไปแล้วแต่จากเศรษฐกิจปีนี้ที่เติบโตชะลอตัวทำให้ขายสินค้าได้ยากขึ้น ทำให้ต้องมีการทำการตลาดมากขึ้น หุ้นกลุ่มมีเดีย โรงพยาบาล โรงแรมจะได้ประโยชน์ ส่วนหุ้นที่ไม่ดี คือ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

“การลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้นถือว่ายังให้ผลตอบแทนการลงทุนที่สูง ซึ่งการเข้าลงทุนในหุ้นนั้นไม่สำคัยว่าจะเข้าไปลงทุนที่ดัชนีเท่าไร แต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมในการลงทุนของนักลงทุน ซึ่งการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับ 1 พันจุดนั้น ยังสามารถเข้าไปลงทุนได้จากที่ยังมีหุ้นอีกจำนวนมากที่ราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งนักลงทุนต้องมีการเตรียมความพร้อมและข้อมูลประกอบการลงทุน” นายกวี กล่าว

นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ปัญหาชายแดนไทยกับกัมพูชานั้นมีมาเรื่อยๆ ซึ่งส่วนตัวอยากให้นักลงุทนมีการพิจารณาการลงทุนโดยดูปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน การเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งภาวะตลาดหุ้นไทยปีนี้นั้นจะมีการผันผวนที่สูง จากได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศในเรื่องทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนทางการเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น