ตลาดหลักทรัพย์ เผยผลวิจัยนักลงทุน พบนักลงทุนในตลาดเกือบ 50% เป็นกลุ่มเน้นลงทุนตามกระแส-ชอบความเสี่ยงสูง เล็งให้ความรู้พร้อมแนะลงทุนจากปัจจัยพื้นฐาน บจ.
นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่ประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึง Capital Market Research Forum ครั้งที่ 1/ 2554 หัวข้อ “ผลการวิจัยโครงการวิจัยผู้ลงทุน(Investor Research Survey)” จัดทำโดยบริษัท เดอะนีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้สำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 2,276 ราย ในช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค.53 ว่า จากผลการวิจัย ทำให้สามารถจัดกลุ่มนักลงทุนในปัจจุบันได้ 4 กลุ่ม
ทั้งนี้ ได้แก่ กลุ่มที่รับความเสี่ยงได้น้อย เน้นการลงทุนที่มั่นใจว่า จะไม่ขาดทุน (Conservative investor) 24% นักลงทุนระยะยาว(Long term investor) 29% นักลงทุนที่ลงทุนตามกระแส (Followers) 29% นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เน้นกำไรก้อนโตจากส่วนต่างราคา (Risky investor) 18% ซึ่งจากการแบ่งกลุ่มนักลงทุนดังกล่าว ทำให้ตลาดหลักทรัพย์เห็นว่าควรจะหันมาให้ความสำคัญ กับกลุ่มที่ลงทุนตามกระแสมากขึ้น โดยเป็นกลุ่มที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากนักลงทุนจะไม่พิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่จะเข้าไปลงทุน และหากได้รับผลขาดทุนอาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุนรายใหม่ไม่กล้าเข้ามาลงทุน ทำให้การขยายฐานนักลงทุนอาจทำได้อยาก ซึ่งตลาดหลักทรัพย์จะต้องมีการใช้ข้อมูลแก่นักลงทุนมากขึ้นในเรื่องการลงทุนให้พิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานมากกว่ากระแส
นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจหลักทรัพย์รายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า เมื่อรวมจำนวนกลุ่มนักลงทุนที่ชอบลงทุนตามกระแส และกลุ่มที่ชอบความเสี่ยง ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างเยอะ ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนแล้วยังอาจทำให้ตลาดหลักทรัพย์มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีด้วย เพราะเมื่อกลุ่มนักลงทุนนี้เกิดการขาดทุนก็อาจจะมีการบอกต่อไปสู่ผู้อื่นอีก ซึ่งจะทำให้แผนขยายฐานนักลงุทนทำให้ยากขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากผลการสำรวจครั้งนี้ พบว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าตลาดหลักทรัพย์มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยมีผู้ที่ตอบว่าค่อนข้างเห็นด้วย 55% และเห็นด้วยอย่างยิ่ง 17% แต่พบว่านักลงทุนยังไม่เห็นด้วยนักในประเด็นที่ว่า บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทที่มีธรรมมาภิบาลที่ดี ทั้งนี้มีผู้ตอบว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง 2% ไม่ค่อยเห็นด้วย 17% และรู้สึกเฉยๆ 49%
“ตัวเลขของกลุ่มนักลงทุนที่เป็นนักลงทุนตามกระแส กับนักลงทุนรักความเสี่ยง น่าจะสามารถรวมเป็นกลุ่มเดียวกันได้ ซึ่งสัดส่วนที่มีตามที่สำรวจถือว่าค่อนข้างเยอะ และหากมีนักลงทุนแบบนี้มาก ก็จะทำให้ตลาดเกิดภาพที่ไม่ดี คนก็จะมองว่าเป็นตลาดที่ต้องเข้ามาเสี่ยง ตาดีได้ตาร้ายเสีย ดังนั้น โบรกเกอร์ก็ต้องให้ความรู้แกนักลงทุนลักษณะนี้ให้มากขึ้น” นางบุญพร กล่าว
นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่ประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึง Capital Market Research Forum ครั้งที่ 1/ 2554 หัวข้อ “ผลการวิจัยโครงการวิจัยผู้ลงทุน(Investor Research Survey)” จัดทำโดยบริษัท เดอะนีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้สำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 2,276 ราย ในช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค.53 ว่า จากผลการวิจัย ทำให้สามารถจัดกลุ่มนักลงทุนในปัจจุบันได้ 4 กลุ่ม
ทั้งนี้ ได้แก่ กลุ่มที่รับความเสี่ยงได้น้อย เน้นการลงทุนที่มั่นใจว่า จะไม่ขาดทุน (Conservative investor) 24% นักลงทุนระยะยาว(Long term investor) 29% นักลงทุนที่ลงทุนตามกระแส (Followers) 29% นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เน้นกำไรก้อนโตจากส่วนต่างราคา (Risky investor) 18% ซึ่งจากการแบ่งกลุ่มนักลงทุนดังกล่าว ทำให้ตลาดหลักทรัพย์เห็นว่าควรจะหันมาให้ความสำคัญ กับกลุ่มที่ลงทุนตามกระแสมากขึ้น โดยเป็นกลุ่มที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากนักลงทุนจะไม่พิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่จะเข้าไปลงทุน และหากได้รับผลขาดทุนอาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุนรายใหม่ไม่กล้าเข้ามาลงทุน ทำให้การขยายฐานนักลงทุนอาจทำได้อยาก ซึ่งตลาดหลักทรัพย์จะต้องมีการใช้ข้อมูลแก่นักลงทุนมากขึ้นในเรื่องการลงทุนให้พิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานมากกว่ากระแส
นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจหลักทรัพย์รายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า เมื่อรวมจำนวนกลุ่มนักลงทุนที่ชอบลงทุนตามกระแส และกลุ่มที่ชอบความเสี่ยง ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างเยอะ ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนแล้วยังอาจทำให้ตลาดหลักทรัพย์มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีด้วย เพราะเมื่อกลุ่มนักลงทุนนี้เกิดการขาดทุนก็อาจจะมีการบอกต่อไปสู่ผู้อื่นอีก ซึ่งจะทำให้แผนขยายฐานนักลงุทนทำให้ยากขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากผลการสำรวจครั้งนี้ พบว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าตลาดหลักทรัพย์มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยมีผู้ที่ตอบว่าค่อนข้างเห็นด้วย 55% และเห็นด้วยอย่างยิ่ง 17% แต่พบว่านักลงทุนยังไม่เห็นด้วยนักในประเด็นที่ว่า บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทที่มีธรรมมาภิบาลที่ดี ทั้งนี้มีผู้ตอบว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง 2% ไม่ค่อยเห็นด้วย 17% และรู้สึกเฉยๆ 49%
“ตัวเลขของกลุ่มนักลงทุนที่เป็นนักลงทุนตามกระแส กับนักลงทุนรักความเสี่ยง น่าจะสามารถรวมเป็นกลุ่มเดียวกันได้ ซึ่งสัดส่วนที่มีตามที่สำรวจถือว่าค่อนข้างเยอะ และหากมีนักลงทุนแบบนี้มาก ก็จะทำให้ตลาดเกิดภาพที่ไม่ดี คนก็จะมองว่าเป็นตลาดที่ต้องเข้ามาเสี่ยง ตาดีได้ตาร้ายเสีย ดังนั้น โบรกเกอร์ก็ต้องให้ความรู้แกนักลงทุนลักษณะนี้ให้มากขึ้น” นางบุญพร กล่าว