ปิดตลาดหุ้นไทย ดัชนีส่งท้ายสัปดาห์โดยการปรับตัวลดลง 2.82 จุด มาอยู่ที่ระดับ 1,032.26 จุด ซึ่งโบรกฯ เชื่อว่า เป็นไปตามทิศทางตลาดยุโรปที่ลงเล็กน้อย ทั้งนี้ ปัจจัยบวกนอกประเทศยังคงไม่มีอะไรมากนัก ประกอบกับนักลงทุนกังวลจีนจะปรับขึ้นดอกเบี้ยช่วงสุดสัปดาห์
วันนี้ (14 ม.ค.) ปิดตลาดหลักทรัพย์ไทย ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ 1,035.44 จุด และปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1,027.31 จุด ซึ่งหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ IVL มูลค่าการซื้อขาย 3,047.91 ล้านบาท ปิดที่ 45.75 บาท ลดลง 0.50 บาท TOP มูลค่าการซื้อขาย 1,617.99 ล้านบาท ปิดที่ 74.75 บาท ลดลง 1.50 บาท PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 1,595.49 ล้านบาท ปิดที่ 150.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,420.47 ล้านบาท ปิดที่ 99.50 บาท ลดลง 1.50 บาท IRPC มูลค่าการซื้อขาย 1,132.25 ล้านบาท ปิดที่ 5.95 บาท ลดลง 0.05 บาท
ด้าน น.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายนี้ปรับตัวลงตามตลาดยุโรปที่อยู่ในแดนลบเล็กน้อย และตลาดจีนก็อยู่ในแดนลบ แต่โดยรวมตลาดหุ้นในแถบภูมิภาคก็มีทั้งบวก-ลบ เนื่องจากปัจจัยจากนอกประเทศเวลานี้ยังไม่ได้เป็นบวกมากนัก นักลงทุนยังมีความวิตกว่าจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงสุดสัปดาห์ และทางยุโรปก็ยังอ่อนแอ
“ตลาดบ้านเราดูจะอ่อนกว่าตลาดภูมิภาค มองว่าส่วนหนึ่งเป็นผลจากทางเทคนิคด้วย ที่ดัชนี SET ยังไม่สามารถผ่านทะลุแนวต้านสำคัญ 1,030 จุดได้” น.ส.จิตรา กล่าว
ขณะที่ แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า น.ส.จิตรา กล่าวว่า ตลาดคงจะผ่อนคลายมากขึ้นกว่าสัปดาห์นี้ เนื่องจากสัปดาห์หน้าจะไม่มีการประมูลพันธบัตรในยุโรป แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯด้วย อีกทั้งยังเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการอีกด้วย โดยตลาดบ้านเราก็จะเริ่มมีการประกาศงบแบงก์ในปลายสัปดาห์หน้า ซึ่งหวังว่าจะช่วยหนุนตลาดได้บ้าง
สำหรับปัจจัยอื่นที่ช่วยหนุนก็คงจะอยู่ที่ปัจจัยจากนอกประเทศมากกว่า พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,020-1,035 จุด