หุ้นไทยรูดหนัก ตก 18.42 จุด โดยบรรยากาศการซื้อขายตลอดทั้งวันทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย ดัชนีอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน หลังต่างชาติพากันปรับพอร์ต เทขายหุ้นออกมาต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปด้วย
วันนี้ (10 ม.ค.) ปิดตลาดหลักทรัพย์ไทย ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,018.03 จุด ลดลง 18.42 จุด (-1.78%) มูลค่าการซื้อขาย 46,111.50 ล้านบาท โดยบรรยากาศการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ 1,035.65 จุด และปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1,007.78 จุด
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ SCB มูลค่าการซื้อขาย 3,112.94 ล้านบาท ปิดที่ 99.50 บาท ลดลง 3.00 บาท TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,914.82 ล้านบาท ปิดที่ 6.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,659.94 ล้านบาท ปิดที่ 318.00 บาท ลดลง 4.00 บาท IVL มูลค่าการซื้อขาย 2,411.20 ล้านบาท ปิดที่ 48.25 บาท ลดลง 4.25 บาท และ TOP มูลค่าการซื้อขาย 2,401.32 ล้านบาท ปิดที่ 71.25 บาท ลดลง 1.50 บาท
ด้าน น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงแรงและอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน หลังนักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ตด้วยการเทขายหุ้นออกมาต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ประกอบกับ ตลาดภูมิภาคทั้งอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ ที่ปรับตัวขึ้นมากในปีที่ผ่านมาวันนี้มีแรงขายออกมาอย่างหนัก จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามไปด้วย โดยลงลึกไปกว่า 2% ก่อนจะดีดตัวขึ้นมาได้บ้าง
ทั้งนี้ ตลาดยังมีความกังวลเรื่องปัญหาหนี้สินในยุโรป หลังล่าสุด มีข่าวว่า โปรตุเกสจะขอรับความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ส่วนเรื่องที่คาดการณ์กันว่า กนง.จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ก็รับรู้กันไปมากแล้วไม่น่าส่งผลกระทบต่อตลาดมากนัก
ขณะที่แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (11 ม.ค.) น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ตลาดคงขึ้นอยู่กับตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ หากยังคงปรับตัวลงต่อ ก็คงทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับลงตามกลยุทธ์การลงทุนแนะนำลดพอร์ตหุ้นเหลือ 30% โดยเน้นให้มีส่วนผสมระหว่างหุ้นผลประกอบการดีและปันผลสูงเป็นหลัก พร้อมให้แนวรับ 1,000 จุด แนวต้าน 1,017-1,025 จุด
