นายกฯ สมาคมค้าทอง เผยบรรยากาศวันแรกเปิดตลาดทองคำ ไม่ค่อยคึกคัก เนื่องจากต่างประเทศบางแห่งเพิ่งเปิดตลาด ส่งผลนักลงทุนต่างชาติบางตา เชื่อ กลางสัปดาห์การลงทุนน่าจะกระเตื้อง ขณะที่ ราคาทองคำปีนี้มีแนวโน้มแกว่งตัว “โกลเบล็ก” ชี้ สัปดาห์นี้ตลาดทองคำมีโอกาสสดใส
วันนี้ (5 ม.ค.) นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงภาพรวมการเปิดซื้อขายทองคำวันแรกของปีเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า บรรยากาศการลงทุนไม่ค่อยคึกคักมากนัก โดยราคาทองคำแท่งในประเทศลดลงบาทละ 50 บาท หรืออยู่ที่บาทละ 20,150 บาท เนื่องจากในตลาดต่างประเทศบางแห่งเพิ่งเปิดทำการซื้อขาย ทำให้นักลงทุนต่างชาติยังไม่เข้ามาลงทุน แต่คาดว่าช่วงกลางสัปดาห์เป็นต้นไปบรรยากาศการลงทุนจะกลับมาคึกคักขึ้น
ส่วนภาพรวมราคาทองคำในปีนี้ จะแกว่งตัวผันผวนมาก โดยราคาทองคำมีโอกาสทำลายและสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้ รวมทั้งมีโอกาสลดลงแรง ซึ่งประเมินกรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่ 1,200-1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ขณะที่ราคาในประเทศคาดอยู่ที่ 17,000-22,000 บาท ขึ้นกับทิศทางค่าเงินบาทเป็นหลัก ว่า จะแข็งค่ามาก หรืออ่อนค่าลง รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐฯ
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานการลงทุน บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ราคาทองคำสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเชิงบวก เนื่องจากประเด็นวิกฤติหนี้สินในยุโรปเป็นตัวแปรเข้ามาผลักดันราคาให้เพิ่มขึ้น เพราะสถาบันจัดอันดับเครดิตชั้นนำของโลก ต่างเตรียมปรับลดอันดับเครดิตของประเทศที่ส่อเค้าจะประสบปัญหา ทำให้นักลงทุนกังวลมากขึ้น และไม่กล้าลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ทองคำจึงเป็นตัวเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ
ด้าน รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันแรกของปีเมื่อ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ดัชนีดีดตัวได้ร้อนแรงตลอดทั้งวัน นำโดยแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งบ้านปู และกลุ่ม ปตท.หลังได้รับอานิสงส์จากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปิดบวกทั่วหน้า ส่งผลให้ระหว่างวันดัชนีหุ้นไทยแตะระดับสูงสุดที่ 1,048.80 จุด เพิ่มขึ้นกว่า 15 จุด ก่อนอ่อนตัวมาปิดตลาดที่ 1,042.41 จุด เพิ่มขึ้น 9.65 จุด มูลค่าการซื้อขาย 37,096.18 ล้านบาท
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) และในฐานะนายกสมาคม บล.(สมาคมโบรกเกอร์) กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยในปีนี้ ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยประเมินว่าดัชนีจะทำจุดสูงสุดของปีที่ 1,200 จุด เพิ่มขึ้น 20% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่กำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) คาดเติบโตประมาณ 18%
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา เปิดตลาดที่ระดับ 30.04-30.08 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และระหว่างวันอ่อนค่าสุดที่ 30.08 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะนักลงทุนเทขายสกุลเงินที่มีความเสี่ยง แต่ในช่วงบ่ายนักลงทุนได้กลับเข้ามาซื้อคืนหลังจากที่ตลาดยุโรปเปิดทำการ ส่งผลให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าสุดที่ 30.02 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และปิดตลาดที่ 30.03-30.07 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ