ปลัดคลัง แย้มมีสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่จากยุโรป สนรวมทุนฟินันซ่าประกันชีวิต แต่ยังต้อพิจารณาเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติที่ถือได้ไม่เกิน 49% คาดได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาของบริษัทฟินันซ่าประกันชีวิต ที่มีเงินกองทุนติดลบ 1,037 ล้านบาท ว่า แผนฟื้นฟูกิจการที่ฟินันซ่าเสนอมายังสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ที่นำที่ดินและสินทรัพย์อื่นๆ มาตีเป็นมูลค่าแทนเงินสดนั้น เรื่องนี้ คปภ.สรุปชัดเจนแล้วว่าต้องใช้เงินสดเท่านั้น เพราะมีเป็นสินเทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง โดยจะใช้อย่างอื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นหากใช้ที่ดินก็ต้องนำที่ดินไปขายเพื่อได้เงินสดแล้วนำมาเพิ่มทุนจึงจะสามารถทำได้
สำหรับการแก้ไขปัญหาขณะนี้มีทางออกที่ดี เพราะมีสถาบันการเงินที่มีประสบการณ์ด้านประกันชีวิตจากยุโรป สนใจเข้ามาร่วมทุน ซึ่งเป็นแนวทางที่ดี คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ โดยขั้นตอนจากนี้เป็นการหารือระหว่างภาคเอกชนกับเอกชนด้วย เมื่อได้ข้อสรุปก็จะมาพิจารณาในเรื่องของกฎหมาย รวมถึงสัดส่วนการถือครองหุ้นตามกฎหมายระบุห้ามต่างชาติถือหุ้นในบริษัทประกันเกิน 49% ดังนั้น ในกรณีของฟินันซ่าประกันชีวิต ก็ต้องดูตัวบทกฎหมายด้วย
“กรณีที่มีกระแสข่าวว่าต่างชาติสนใจเข้ามาร่วมทุนในสัดส่วนเกิน 50% นั้น ในหลักการแล้วต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายของไทยที่ระบุห้ามต่างชาติถือหุ้นเกิน 49%” นายสถิตย์ กล่าว
นายสถิตย์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมของธุรกิจประกันชีวิต ขณะนี้เมื่อพิจารณาแล้วยังไม่พบว่ามีรายไหนที่มีฐานะเงินกองทุนติดลบ หรือ เงินกองทุนขาด หรือต่ำกว่าเกณฑ์ที่คปภ.กำหนด โดยยังคงมีแค่ฟินันซ่าประกันชีวิตรายเดียวเท่านั้น และย้ำว่า กรณีของฟินันซ่าก็กำลังได้รับการแก้ไขไปในทิศทางที่ดีแล้ว
ส่วนกรณีของ พรูเด็นเชียล สหราชอาณาจักร ที่เข้ามาซื้อบริษัทอเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ (เอไอเอ) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจากกลุ่มเอไอจี สหรัฐอเมริกานั้น ล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะผู้บริหารของทั้ง 2 ฝ่ายได้เข้ามาพบ คปภ.ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาของบริษัทฟินันซ่าประกันชีวิต ที่มีเงินกองทุนติดลบ 1,037 ล้านบาท ว่า แผนฟื้นฟูกิจการที่ฟินันซ่าเสนอมายังสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ที่นำที่ดินและสินทรัพย์อื่นๆ มาตีเป็นมูลค่าแทนเงินสดนั้น เรื่องนี้ คปภ.สรุปชัดเจนแล้วว่าต้องใช้เงินสดเท่านั้น เพราะมีเป็นสินเทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง โดยจะใช้อย่างอื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นหากใช้ที่ดินก็ต้องนำที่ดินไปขายเพื่อได้เงินสดแล้วนำมาเพิ่มทุนจึงจะสามารถทำได้
สำหรับการแก้ไขปัญหาขณะนี้มีทางออกที่ดี เพราะมีสถาบันการเงินที่มีประสบการณ์ด้านประกันชีวิตจากยุโรป สนใจเข้ามาร่วมทุน ซึ่งเป็นแนวทางที่ดี คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ โดยขั้นตอนจากนี้เป็นการหารือระหว่างภาคเอกชนกับเอกชนด้วย เมื่อได้ข้อสรุปก็จะมาพิจารณาในเรื่องของกฎหมาย รวมถึงสัดส่วนการถือครองหุ้นตามกฎหมายระบุห้ามต่างชาติถือหุ้นในบริษัทประกันเกิน 49% ดังนั้น ในกรณีของฟินันซ่าประกันชีวิต ก็ต้องดูตัวบทกฎหมายด้วย
“กรณีที่มีกระแสข่าวว่าต่างชาติสนใจเข้ามาร่วมทุนในสัดส่วนเกิน 50% นั้น ในหลักการแล้วต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายของไทยที่ระบุห้ามต่างชาติถือหุ้นเกิน 49%” นายสถิตย์ กล่าว
นายสถิตย์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมของธุรกิจประกันชีวิต ขณะนี้เมื่อพิจารณาแล้วยังไม่พบว่ามีรายไหนที่มีฐานะเงินกองทุนติดลบ หรือ เงินกองทุนขาด หรือต่ำกว่าเกณฑ์ที่คปภ.กำหนด โดยยังคงมีแค่ฟินันซ่าประกันชีวิตรายเดียวเท่านั้น และย้ำว่า กรณีของฟินันซ่าก็กำลังได้รับการแก้ไขไปในทิศทางที่ดีแล้ว
ส่วนกรณีของ พรูเด็นเชียล สหราชอาณาจักร ที่เข้ามาซื้อบริษัทอเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ (เอไอเอ) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจากกลุ่มเอไอจี สหรัฐอเมริกานั้น ล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะผู้บริหารของทั้ง 2 ฝ่ายได้เข้ามาพบ คปภ.ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว