โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา งวดนี้กำไรทรุดเกือบ 300 ล้านบาท หรือลดลง 84.65% เหตุเศรษฐกิจและการเมืองไม่แน่นอน ทำให้นักท่องเที่ยวกังวล ความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศดลงตามด้วย ขณะค่าใช้จ่ายในการตัดค่าเสื่อมราคาของโรงแรมใหม่สูงขึ้นจากการเปิดโรงแรมใหม่เพิ่ม
นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL แจ้งงบงวดสิ้นปี 52 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 53.09 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 345.99 ล้านบาท หรือลดลง 292.90 ล้านบาท หรือลดลง 84.65% ผลจากสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่ยังคงมีความไม่แน่นอนในปัจจุบัน ขณะที่กลุ่มบริษัทได้พยายามหามาตรการต่างๆ เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย เช่น การเจรจากับผู้ขาย การใช้สาธารณูปโภคอย่างประหยัด การบริหารและควบคุมค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังมีแผนการในหารายได้เพิ่ม โดยมุ่งเน้นการขยายธุรกิจบริหารโรงแรมให้มากขึ้นโดยนับตั้งแต่ต้นปี 52 บริษัทได้รับบริหารโรงแรมเพิ่มอีกเกือบ 10 แห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในส่วนของธุรกิจอาหาร ก็ยังคงเน้นกลยุทธ์ในการขยายสาขาและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
โดยปีดังกล่าวบริษัทและบริษัทย่อยมี EBITDA 1,515.8 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 165.1 ล้านบาท หรือ 9.8% โดยมีสัดส่วน EBITDA ต่อรายได้รวมเท่ากับ 18.0% ลดลงจากปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับ 20.6% เนื่องจาก รายได้ของโรงแรมเดิมลดลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกคือ วิกฤตเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์การเมืองไทยที่ยังคงมีความไม่แน่นอน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง
สำหรับปี52 บริษัทและบริษัทย่อย รายได้รวม 8,436.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 264.4 ล้านบาทจากปี 51 หรือ 3.2% แบ่งเป็นธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้นจากการเปิดโรงแรมใหม่ และได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี และรายได้จากธุรกิจอาหารลดลง 2.7% เนื่องจาก การปิดดำเนินงานเครื่องหมายการค้าพิซซ่า ฮัท ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 52 ส่งผลให้รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มลดลงจากปีก่อน 218.6 ล้าน บาท อีกทั้งได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบด้านภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และสถานการณ์ด้านการเมืองที่ยังคงมีความไม่แน่นอน ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น เนื่องจาก โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ มิราจบีชรีสอร์ท พัทยา ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการประมาณปลายปี 52 มีค่าใช้จ่ายก่อนเริ่มดำเนินงาน และยังมีรายได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวมค่อนข้างสูง นอกจากนี้ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์บีชรีสอร์ท สมุย ซึ่งได้เข้าทำสัญญาเช่าช่วงที่ดินและอาคารกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ในเดือนกันยายน 51 ที่ผ่านมามีค่าเช่าจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 182 ล้านบาท ขณะที่ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจ่ายเพิ่มขึ้นจากค่าเสื่อมราคาของโรงแรมใหม่ดังกล่าว
นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL แจ้งงบงวดสิ้นปี 52 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 53.09 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 345.99 ล้านบาท หรือลดลง 292.90 ล้านบาท หรือลดลง 84.65% ผลจากสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่ยังคงมีความไม่แน่นอนในปัจจุบัน ขณะที่กลุ่มบริษัทได้พยายามหามาตรการต่างๆ เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย เช่น การเจรจากับผู้ขาย การใช้สาธารณูปโภคอย่างประหยัด การบริหารและควบคุมค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังมีแผนการในหารายได้เพิ่ม โดยมุ่งเน้นการขยายธุรกิจบริหารโรงแรมให้มากขึ้นโดยนับตั้งแต่ต้นปี 52 บริษัทได้รับบริหารโรงแรมเพิ่มอีกเกือบ 10 แห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในส่วนของธุรกิจอาหาร ก็ยังคงเน้นกลยุทธ์ในการขยายสาขาและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
โดยปีดังกล่าวบริษัทและบริษัทย่อยมี EBITDA 1,515.8 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 165.1 ล้านบาท หรือ 9.8% โดยมีสัดส่วน EBITDA ต่อรายได้รวมเท่ากับ 18.0% ลดลงจากปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับ 20.6% เนื่องจาก รายได้ของโรงแรมเดิมลดลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกคือ วิกฤตเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์การเมืองไทยที่ยังคงมีความไม่แน่นอน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง
สำหรับปี52 บริษัทและบริษัทย่อย รายได้รวม 8,436.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 264.4 ล้านบาทจากปี 51 หรือ 3.2% แบ่งเป็นธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้นจากการเปิดโรงแรมใหม่ และได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี และรายได้จากธุรกิจอาหารลดลง 2.7% เนื่องจาก การปิดดำเนินงานเครื่องหมายการค้าพิซซ่า ฮัท ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 52 ส่งผลให้รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มลดลงจากปีก่อน 218.6 ล้าน บาท อีกทั้งได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบด้านภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และสถานการณ์ด้านการเมืองที่ยังคงมีความไม่แน่นอน ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น เนื่องจาก โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ มิราจบีชรีสอร์ท พัทยา ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการประมาณปลายปี 52 มีค่าใช้จ่ายก่อนเริ่มดำเนินงาน และยังมีรายได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวมค่อนข้างสูง นอกจากนี้ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์บีชรีสอร์ท สมุย ซึ่งได้เข้าทำสัญญาเช่าช่วงที่ดินและอาคารกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ในเดือนกันยายน 51 ที่ผ่านมามีค่าเช่าจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 182 ล้านบาท ขณะที่ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจ่ายเพิ่มขึ้นจากค่าเสื่อมราคาของโรงแรมใหม่ดังกล่าว
