"กรุงเทพโพล" เผยผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ 20 สถาบัน มองภาพรวม ศก.เดือน ก.พ.53 ยังโตได้จริง แต่กังวลการเมืองแรง-มาบตาพุดไร้ทางออก พร้อมมองการยกเลิกมาตรการกระตุ้น ศก.เร็วขึ้น มีทั้งฝ่ายหนุนและคัดค้าน
กรุงเทพโพลล์ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 20 แห่ง ระหว่างวันที่ 16-23 กุมภาพันธ์ 2553 เรื่อง “ความเห็นประเด็นเศรษฐกิจ เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2010” โดยพบว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ร้อยละ 75.9 เชื่อว่าเศรษฐกิจของไทยปี 2553 จะขยายตัวจริงตามที่หน่วยงานประกาศ
อย่างไรก็ตาม แม้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จะมองภาพเศรษฐกิจไทยในเชิงบวก แต่นักเศรษฐศาสตร์ถึงร้อยละ 48.3 ก็ยังกังวลว่าปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองของไทยที่ยังดำเนินอยู่และปัญหามาบตาพุดที่ยังหาทางออกไม่ได้จะส่งผลให้นักลงทุนย้ายฐานการผลิตหรือตัดสินใจลงทุนในประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศไทย
ขณะที่ความเห็นเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้มากที่สุด ร้อยละ 39.7 ปัญหาด้านการเงินของสถาบันการเงินที่ยังไม่สิ้นสุด ร้อยละ 36.2 ปัญหาหนี้สาธารณะ ร้อยละ 17.2 เรื่องอื่นๆ เช่น การว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูงท่ามกลางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
สำหรับประเด็นเศรษฐกิจภายในประเทศประเด็นที่รัฐบาลจะย่นระยะเวลาในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้สิ้นสุดเร็วขึ้น ร้อยละ 43.1 ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบาง และมีความผันผวนอยู่ เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวดี มีความไม่แน่นอนสูง ประกอบกับการลงทุนภาคเอกชนยังไม่ฟื้น รัฐจึงควรเป็นผู้นำการลงทุน ปัญหาการเมืองของประเทศที่ยังคงมีอยู่ อาจเป็นปัญหาในระยะถัดไป
ส่วนคำถามว่าจากสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้ พ.ร.บ.กู้เงิน 400,000 ล้านบาท ยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ ร้อยละ 37.9 มีความจำเป็นลดลง เพราะเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องทำให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น แต่ร้อยละ 36.2 เห็นว่า ยังจำเป็นอยู่ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง
ด้านความเห็นต่อประเด็นการปรับตัวลดลงร้อยละ 5.17 ของตลาดหุ้นไทยในเดือนมกราคม 2553 และต่อเนื่องถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2553 นักเศรษฐศาสตร์มองว่า เป็นผลมาจากปัญหาด้านการเมืองมากที่สุดร้อยละ 43.2 ร้อยละ 32.8 ปัจจัยเศรษฐกิจโลก และร้อยละ 8.6 ปรับตัวลดลงตามตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาค
ขณะที่ปัจจุบันที่เขตการค้าเสรี อาเซียนหรืออาฟตา เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 และจะเปิดเสรีครบทุกประเทศในปี 2555 ท่ามกลางปัญหาทางการเมืองของไทยที่ยังดำเนินอยู่และปัญหามาบตาพุดที่ยังหาทางออกไม่ได้ จากสถานการณ์ในปัจจุบันดังกล่าว จะส่งผลให้เกิดการย้ายฐานการผลิตหรือตัดสินใจลงทุนในประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศไทยหรือไม่ ร้อยละ 48.3 มองว่า มีผลกระทบต่อการลงทุนอย่างมาก ร้อยละ 34.5 มองว่ามีผลกระทบเล็กน้อย
สำหรับความเห็นต่อประเด็นการลดค่าเงินด่องของประเทศเวียดนามเป็นครั้งที่ 2 มีผลกระทบกับการส่งออกของไทยในระดับใด ร้อยละ 69.0 มองว่ากระทบน้อย เนื่องจากสินค้าของไทยมีคุณภาพดีกว่าสินค้าของเวียดนาม