ไทยพาณิชย์ปล่อยกู้พันธมิตรกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์วงเงิน 3 พันล้าน พัฒนาโครงการเทอร์มินอล 21 รองรับการฟื้นตัวธุรกิจอสังหาฯและภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารได้ให้การสนับสนุนสินเชื่อวงเงิน 3,000 ล้านบาท กับกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อพัฒนาโครงการเทอร์มินอล 21 ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ โดยคาดว่าโครงการดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภค เนื่องจากตั้งอยู่บนทำเลทองใจกลางกรุงเทพ ฯ ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง บริเวณแยกอโศก-สุขุมวิท 21 ผนวกกับในปี 2553 นี้ เป็นช่วงที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีปัจจัยบวกเป็นแรงสนับสนุน ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่กำลังปรับตัวดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการใช้จ่าย
ทั้งนี้ ธนาคารเองก็จะมีส่วนในการสนับสนุนทางการเงิน คำปรึกษาทางธุรกิจ และบริการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะ Bank Of Choice ที่เป็นพันธมิตรธุรกิจซึ่งพร้อมจะเติบโตไปกับลูกค้า สำหรับกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจที่ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพการผลิต และจัดสร้างโครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ฯลฯ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักหลายโครงการทั่วประเทศ รวมถึงโครงการเทอร์มินอล 21 ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินเพียงรายเดียวในครั้งนี้ด้วย
ด้านนายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)(L&H) กล่าวถึงทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ว่า มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่กระเตื้องขึ้น โดยผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีความได้เปรียบเนื่องจากธนาคารให้ความสำคัญในการให้สินเชื่อรายใหญ่มากกว่า สิ่งที่สำคัญคือการพัฒนาโครงการในแนวทางที่ตนมีความเชี่ยวชาญ มีการศึกษาข้อมูลตลาดมาอย่างดี มีรูปแบบโครงการที่มีจุดเด่นน่าสนใจ แตกต่างจากรายอื่น หรือมุ่งเน้นที่การเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม ส่วนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในปีนี้เน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบให้เช่า ในลักษณะเป็น New Business Model เนื่องจากจะทำให้สินค้ามีความหลากหลายและสร้างรายได้ในระยะยาว
สำหรับโครงการเทอร์มินอล 21 มีมูลค่าโครงการรวม 6,000 ล้านบาท โดยมีบริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ร่วมพัฒนาและบริหารโครงการ ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างเสร็จไปแล้วกว่า 30% และคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ของปี 2554 ซึ่งการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ ในครั้งนี้จะเป็นการรองรับการดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าวนี้ได้เป็นอย่างดี
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารได้ให้การสนับสนุนสินเชื่อวงเงิน 3,000 ล้านบาท กับกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อพัฒนาโครงการเทอร์มินอล 21 ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ โดยคาดว่าโครงการดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภค เนื่องจากตั้งอยู่บนทำเลทองใจกลางกรุงเทพ ฯ ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง บริเวณแยกอโศก-สุขุมวิท 21 ผนวกกับในปี 2553 นี้ เป็นช่วงที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีปัจจัยบวกเป็นแรงสนับสนุน ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่กำลังปรับตัวดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการใช้จ่าย
ทั้งนี้ ธนาคารเองก็จะมีส่วนในการสนับสนุนทางการเงิน คำปรึกษาทางธุรกิจ และบริการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะ Bank Of Choice ที่เป็นพันธมิตรธุรกิจซึ่งพร้อมจะเติบโตไปกับลูกค้า สำหรับกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจที่ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพการผลิต และจัดสร้างโครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ฯลฯ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักหลายโครงการทั่วประเทศ รวมถึงโครงการเทอร์มินอล 21 ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินเพียงรายเดียวในครั้งนี้ด้วย
ด้านนายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)(L&H) กล่าวถึงทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ว่า มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่กระเตื้องขึ้น โดยผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีความได้เปรียบเนื่องจากธนาคารให้ความสำคัญในการให้สินเชื่อรายใหญ่มากกว่า สิ่งที่สำคัญคือการพัฒนาโครงการในแนวทางที่ตนมีความเชี่ยวชาญ มีการศึกษาข้อมูลตลาดมาอย่างดี มีรูปแบบโครงการที่มีจุดเด่นน่าสนใจ แตกต่างจากรายอื่น หรือมุ่งเน้นที่การเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม ส่วนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในปีนี้เน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบให้เช่า ในลักษณะเป็น New Business Model เนื่องจากจะทำให้สินค้ามีความหลากหลายและสร้างรายได้ในระยะยาว
สำหรับโครงการเทอร์มินอล 21 มีมูลค่าโครงการรวม 6,000 ล้านบาท โดยมีบริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ร่วมพัฒนาและบริหารโครงการ ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างเสร็จไปแล้วกว่า 30% และคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ของปี 2554 ซึ่งการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ ในครั้งนี้จะเป็นการรองรับการดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าวนี้ได้เป็นอย่างดี