ธสน.เดินหน้าขยายสินเชื่อปีนี้ 2.4 หมื่นล้าน ยึดแนวทางอนุมัติเร็วแต่เปิดช่องปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยตามภาวะตลาด พร้อมรับประกันความเสี่ยงให้ผู้ส่งออกต่อหลังมองเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ายังเปาะบาง
นายอภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) เปิดเผยแนวทางการดำเนินงานปี 2553 ว่า ธสน.ตั้งเป้าวงเงินสินเชื่ออนุมัติใหม่เพิ่ม 24,200 ล้านบาท และมีปริมาณธุรกิจบริการประกันการส่งออกถึง 1 แสนล้านบาท โดยมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ายังเปาะบางทำให้ความเสี่ยงจากการส่งสินค้าไปขายแล้วไมได้รับชำระเงินยังคงมีอยู่ทำให้ธสน.ต้องดูแลผู้ส่งออกไทยต่อไป
“หลังจากได้รับเงินเพิ่มทุน 5 พันล้านบาททำให้ธสน.สามารถแบกรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพราะธุรกิจประกันมีความเสี่ยงสูงมากต้องจ่ายชดเชยถึง 90% แต่เก็บเบี้ยประกันจากผู้ส่งออกค่อนข้างต่ำมาก โดยขณะนี้ยังมีวงเงินรับประกันความเสี่ยงอีก 9 พันล้านบาท เพราะที่ผ่านมารับประกันไปแล้วกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท “ นายอภิชัย กล่าวและว่า ปีนี้ยังเน้นที่สินเชื่อเสริมสภาพคล่องให้ผู้ส่งออกเป็นหลัก โดยยังยึดแนวทางการอนุมัติที่รวมเร็วตามโครงการฟาสต์แทร็กและยังให้ดอกเบี้ยต่ำพิเศษ แต่ต่อไปหากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นก็ต้องมีการทบทวนใหม่ เพราะหากฟิกซ์ไว้เหมือนปีก่อนก็จะทำให้ธสน.ต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้น
ส่วนการดำเนินงานปี 52 ที่ผ่านมาสามารถอนุมัติสินเชื่อได้รวม 54,298 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 146% โดยเป็นสินเชื่อฟาสต์แทร็กถึง 17,579 ล้านบาทสูงกว่าเป้าหมาย 5 พันล้านบาท เนื่องจากมีการคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษทำให้มีลูกค้าเก่าแห่มาใช้บริการจำนวนมาก ขณะที่อนุมัติวงเงินรับประกันการส่งออกและการลงทุน 7,617 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 368% มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยธสน.สมารถบริหารหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือหนี้เสียลดลงมาอยู่ที่ 4,370 ล้านบาท หรือ 8.16% จาก 9.24% ปีก่อนหน้า ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 347 ล้านบาท คิดเป็น 347% ของเป้าหมาที่เดิมมองว่าอาจถึงขั้นติดลบด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ยังได้ขยายความร่วมมือกับธนาคารในต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซียและรัสเซีย เพื่อเปิดให้บริการใหม่ บริการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ซื้อในต่างประเทศ สนับสนุนการซื้อสินค้าและบริการของไทย และได้ริเริ่มบริการใหม่ สินเชื่อเพื่อซัพพลายเออร์ส เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออกที่เป็นลูกค้าของธนาคาร เป็นวงเงินอนุมัติรวม 106 ล้านบาท และอยู่ระหว่างทำนิติกรรมและสัญญาอีก 313 ล้านบาท
ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มเครือข่ายการให้บริการโดยเปิดสาขาย่อย ณ ที่ทำการของธนาคารออมสินภายใต้ความร่วมมือ “1 สาขา 2 ธนาคาร” ทำให้ปัจจุบันเอ็กซิมแบงก์มีสาขาย่อยจำนวน 7 แห่งได้แก่ สาขาย่อยบางรัก อ้อมใหญ่ วงเวียนใหญ่ ติวานนท์ สาธุประดิษฐ์ จักรวรรดิ และสุราษฎร์ธานี และมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 5 แห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปีนี้
นายอภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) เปิดเผยแนวทางการดำเนินงานปี 2553 ว่า ธสน.ตั้งเป้าวงเงินสินเชื่ออนุมัติใหม่เพิ่ม 24,200 ล้านบาท และมีปริมาณธุรกิจบริการประกันการส่งออกถึง 1 แสนล้านบาท โดยมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ายังเปาะบางทำให้ความเสี่ยงจากการส่งสินค้าไปขายแล้วไมได้รับชำระเงินยังคงมีอยู่ทำให้ธสน.ต้องดูแลผู้ส่งออกไทยต่อไป
“หลังจากได้รับเงินเพิ่มทุน 5 พันล้านบาททำให้ธสน.สามารถแบกรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพราะธุรกิจประกันมีความเสี่ยงสูงมากต้องจ่ายชดเชยถึง 90% แต่เก็บเบี้ยประกันจากผู้ส่งออกค่อนข้างต่ำมาก โดยขณะนี้ยังมีวงเงินรับประกันความเสี่ยงอีก 9 พันล้านบาท เพราะที่ผ่านมารับประกันไปแล้วกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท “ นายอภิชัย กล่าวและว่า ปีนี้ยังเน้นที่สินเชื่อเสริมสภาพคล่องให้ผู้ส่งออกเป็นหลัก โดยยังยึดแนวทางการอนุมัติที่รวมเร็วตามโครงการฟาสต์แทร็กและยังให้ดอกเบี้ยต่ำพิเศษ แต่ต่อไปหากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นก็ต้องมีการทบทวนใหม่ เพราะหากฟิกซ์ไว้เหมือนปีก่อนก็จะทำให้ธสน.ต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้น
ส่วนการดำเนินงานปี 52 ที่ผ่านมาสามารถอนุมัติสินเชื่อได้รวม 54,298 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 146% โดยเป็นสินเชื่อฟาสต์แทร็กถึง 17,579 ล้านบาทสูงกว่าเป้าหมาย 5 พันล้านบาท เนื่องจากมีการคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษทำให้มีลูกค้าเก่าแห่มาใช้บริการจำนวนมาก ขณะที่อนุมัติวงเงินรับประกันการส่งออกและการลงทุน 7,617 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 368% มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยธสน.สมารถบริหารหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือหนี้เสียลดลงมาอยู่ที่ 4,370 ล้านบาท หรือ 8.16% จาก 9.24% ปีก่อนหน้า ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 347 ล้านบาท คิดเป็น 347% ของเป้าหมาที่เดิมมองว่าอาจถึงขั้นติดลบด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ยังได้ขยายความร่วมมือกับธนาคารในต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซียและรัสเซีย เพื่อเปิดให้บริการใหม่ บริการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ซื้อในต่างประเทศ สนับสนุนการซื้อสินค้าและบริการของไทย และได้ริเริ่มบริการใหม่ สินเชื่อเพื่อซัพพลายเออร์ส เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออกที่เป็นลูกค้าของธนาคาร เป็นวงเงินอนุมัติรวม 106 ล้านบาท และอยู่ระหว่างทำนิติกรรมและสัญญาอีก 313 ล้านบาท
ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มเครือข่ายการให้บริการโดยเปิดสาขาย่อย ณ ที่ทำการของธนาคารออมสินภายใต้ความร่วมมือ “1 สาขา 2 ธนาคาร” ทำให้ปัจจุบันเอ็กซิมแบงก์มีสาขาย่อยจำนวน 7 แห่งได้แก่ สาขาย่อยบางรัก อ้อมใหญ่ วงเวียนใหญ่ ติวานนท์ สาธุประดิษฐ์ จักรวรรดิ และสุราษฎร์ธานี และมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 5 แห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปีนี้