ตลาดหลักทรัพย์ฯมั่นใจปีนี้เพิ่มมาร์เกตแคปได้อีก 1 แสนล้านตามเป้าหมาย เหตุ บริษัทแรกที่เข้าจดทะเบียน “อินโดรามา เวนเจอร์ส” ก็ดันมาร์เกตแคปเพิ่ม 4.5 หมื่นล้านบาทแล้ว และยังมีบริษัทขนาดใหญ่จ่อเข้าจดทะเบียนอีก หลายราย “วิเชฐ”ระบุตอนนี้มีอีก 7 บริษัทยู่ระหว่างรอจังหวะขายหุ้น พร้อเตรียมเดินทางไปหารือกับก.ล.ต.ลาวให้อนุมัติบริษัททำธุรกิจในลาวกระจายหุ้นในต่างประเทศได้ รวมถึงเดินหน้าแผนโรดโชว์ที่มาเลเซีย
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ดูแลสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เกตแคป)ปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่ 100,000 ล้านบาทจากการจะมีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ตามแผนที่กำหนดไว้ เนื่องจาก บริษัทที่เข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทแรกในปีนี้คือ บมจ.อินโดรามา เวนเจรอร์ (IVL)ซึ่งมีมาร์เกตแคป 45,000 ล้านบาท และมีบริษัทขนาดใหญ่เตรียมตัวที่จะเข้าอีก รวมถึงบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจ
ทั้งนี้ก็ยังมีบริษัทที่ได้รับอนุมัติจากก.ล.ต.แล้วให้สามารถเสนอขายหุ้นได้แต่อยู่ระหว่างการรอเสนอขายอีก 7 บริษัทและมีบริษัทรอการอนุมัติไฟลิ่งจากก.ล.ต.อีก 4 บริษัทรวมเป็น 11 บริษัท โดยตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการติดตามสอบถามบริษัทที่ได้รับอนุมัติไฟลิ่งจากทางก.ล.ต.แล้ว และบริษัทดังกล่าวมีการตอบรับยืนยันที่จะเข้าจดทะเบียนในปีนี้ แต่รอดูภาวะตลาดที่เหมาะสม รวมถึงยังมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสรรหาและพัฒนาบริษัทจดทะเบียน ประจำปี 2553 เพื่อสานต่อการดำเนินงานในการสรรหาบริษัทที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียนที่จะเข้ามสนับสนุนอีก
“เรามั่นใจเป้าหมายเพิ่มมาร์เกตแคปปีนี้อีก 1 แสนล้านบาทจากการบริษัทใหม่เข้ามาจดทะเบียนทำได้แน่นอนเพราะ บริษัทแรกที่เข้าจดทะเบียนนั้นมีมาร์เกตแคป4.5 หมื่นล้านบาทแล้ว และมีหุ้นขนาดใหญ่รอเข้าจดทะเบียนอีก ส่วนบริษัท โรงกลั่นน้ำมันสตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง จำกัด หรือ SPRCตอนนี้รอดูแล้วโน้มของผลประกอบการปีนี้ว่าจะดีหรือไม่ ซึ่งหากดูแนวโน้มออกมาดีเข้าจดทะเบียนปีนี้แน่นอน ” นายวิเชฐกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการเดินทางไปพบกับทางคณะกรรมการคุ้มครองหลักทรัพย์ (ค.ล.ต.)ซึ่งเหมือนกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) เพื่อไปช่วยเหลือในการดำเนินการให้บริษัทรัฐวิสาหกิจของลาวมีการเตรียมตัวที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของสปป.ลาว จากที่จะมีการเปิดตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 10 เดือนสิงหาคม ปีนี้ และได้มีการเจรจากในเรื่องการอนุมัติให้บริษัทที่ทำธุรกิจในลาวสามารถที่จะเสนอขายหุ้นนในต่างประเทศได้
รวมถึงหารือให้ทางสปป.ลาวมีการอนุญาตในเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันระหว่างก.ล.ต.และค.ล.ต.เมื่อมีบริษัทในประเทศลาวเข้ามาจดทะเบียนในไทย กรณีหากมีการตรวจสอบหุ้นหลังจากเข้ามาจดทะเบียน ซึ่งทางลาวยินดีที่จะทำเรื่องดังกล่าว เพราะ จากการที่ทางลาวมีการร่วมมือในเรื่องการพัฒนาจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ลาวกับทางเกาหลีนั้น ทางเกาหลีก็มีการดำเนินการขอข้อมูลดังกล่าวเหมือนกับตลาดหลักทรัพย์ฯไทยเช่นกัน โดยถือว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการเตรียมพร้อมในเรื่องการให้บริษัทลาวเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นตลาดแรก และการจดทะเบียนสองตลาด (ดูอัลลิสติ้ง)
นายวิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลท.จะพาบริษัทจดทะเบียนไทยไปนำเสนอข้อมูลที่ประเทศมาเลเซีย ในเดือนมิถุนายน เพื่อไปพบนักลงทุนและหน่วยงานระดับสูงของรัฐบาลมาเลเซียในเรื่องการลงทุน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่ออาจจะได้พบกับนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียด้วย โดยการไปโรดโชว์ดังกล่าวถือว่าเป็นอีกหนึ่งบริการแก่บจ.ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯสนับสนุนส่งเสริมในการลงทุนในการขยายกิจการในต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างการรอให้ทางบจ.ไทยมีการตอบรับในการร่วมไปโรดโชว์ครั้ง โดยขณะนี้มีธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของไทยตอบรับที่จะไปแล้ว ซึ่งการเดินทางไปครั้งนี้จะมีบจ.ร่วมไปโรดโชว์ไม่เกิน 12 แห่ง และหากการโรดโชว์ที่มาเลเซียประสบผลสำเร็จ ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการจัดงานในลักษณะเดียวกันนี้กับประเทศอื่นๆโดยจะเน้นในแถบประเทศอินโดไซน่า ต่อไป
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ดูแลสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เกตแคป)ปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่ 100,000 ล้านบาทจากการจะมีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ตามแผนที่กำหนดไว้ เนื่องจาก บริษัทที่เข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทแรกในปีนี้คือ บมจ.อินโดรามา เวนเจรอร์ (IVL)ซึ่งมีมาร์เกตแคป 45,000 ล้านบาท และมีบริษัทขนาดใหญ่เตรียมตัวที่จะเข้าอีก รวมถึงบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจ
ทั้งนี้ก็ยังมีบริษัทที่ได้รับอนุมัติจากก.ล.ต.แล้วให้สามารถเสนอขายหุ้นได้แต่อยู่ระหว่างการรอเสนอขายอีก 7 บริษัทและมีบริษัทรอการอนุมัติไฟลิ่งจากก.ล.ต.อีก 4 บริษัทรวมเป็น 11 บริษัท โดยตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการติดตามสอบถามบริษัทที่ได้รับอนุมัติไฟลิ่งจากทางก.ล.ต.แล้ว และบริษัทดังกล่าวมีการตอบรับยืนยันที่จะเข้าจดทะเบียนในปีนี้ แต่รอดูภาวะตลาดที่เหมาะสม รวมถึงยังมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสรรหาและพัฒนาบริษัทจดทะเบียน ประจำปี 2553 เพื่อสานต่อการดำเนินงานในการสรรหาบริษัทที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียนที่จะเข้ามสนับสนุนอีก
“เรามั่นใจเป้าหมายเพิ่มมาร์เกตแคปปีนี้อีก 1 แสนล้านบาทจากการบริษัทใหม่เข้ามาจดทะเบียนทำได้แน่นอนเพราะ บริษัทแรกที่เข้าจดทะเบียนนั้นมีมาร์เกตแคป4.5 หมื่นล้านบาทแล้ว และมีหุ้นขนาดใหญ่รอเข้าจดทะเบียนอีก ส่วนบริษัท โรงกลั่นน้ำมันสตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง จำกัด หรือ SPRCตอนนี้รอดูแล้วโน้มของผลประกอบการปีนี้ว่าจะดีหรือไม่ ซึ่งหากดูแนวโน้มออกมาดีเข้าจดทะเบียนปีนี้แน่นอน ” นายวิเชฐกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการเดินทางไปพบกับทางคณะกรรมการคุ้มครองหลักทรัพย์ (ค.ล.ต.)ซึ่งเหมือนกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) เพื่อไปช่วยเหลือในการดำเนินการให้บริษัทรัฐวิสาหกิจของลาวมีการเตรียมตัวที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของสปป.ลาว จากที่จะมีการเปิดตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 10 เดือนสิงหาคม ปีนี้ และได้มีการเจรจากในเรื่องการอนุมัติให้บริษัทที่ทำธุรกิจในลาวสามารถที่จะเสนอขายหุ้นนในต่างประเทศได้
รวมถึงหารือให้ทางสปป.ลาวมีการอนุญาตในเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันระหว่างก.ล.ต.และค.ล.ต.เมื่อมีบริษัทในประเทศลาวเข้ามาจดทะเบียนในไทย กรณีหากมีการตรวจสอบหุ้นหลังจากเข้ามาจดทะเบียน ซึ่งทางลาวยินดีที่จะทำเรื่องดังกล่าว เพราะ จากการที่ทางลาวมีการร่วมมือในเรื่องการพัฒนาจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ลาวกับทางเกาหลีนั้น ทางเกาหลีก็มีการดำเนินการขอข้อมูลดังกล่าวเหมือนกับตลาดหลักทรัพย์ฯไทยเช่นกัน โดยถือว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการเตรียมพร้อมในเรื่องการให้บริษัทลาวเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นตลาดแรก และการจดทะเบียนสองตลาด (ดูอัลลิสติ้ง)
นายวิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลท.จะพาบริษัทจดทะเบียนไทยไปนำเสนอข้อมูลที่ประเทศมาเลเซีย ในเดือนมิถุนายน เพื่อไปพบนักลงทุนและหน่วยงานระดับสูงของรัฐบาลมาเลเซียในเรื่องการลงทุน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่ออาจจะได้พบกับนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียด้วย โดยการไปโรดโชว์ดังกล่าวถือว่าเป็นอีกหนึ่งบริการแก่บจ.ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯสนับสนุนส่งเสริมในการลงทุนในการขยายกิจการในต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างการรอให้ทางบจ.ไทยมีการตอบรับในการร่วมไปโรดโชว์ครั้ง โดยขณะนี้มีธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของไทยตอบรับที่จะไปแล้ว ซึ่งการเดินทางไปครั้งนี้จะมีบจ.ร่วมไปโรดโชว์ไม่เกิน 12 แห่ง และหากการโรดโชว์ที่มาเลเซียประสบผลสำเร็จ ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการจัดงานในลักษณะเดียวกันนี้กับประเทศอื่นๆโดยจะเน้นในแถบประเทศอินโดไซน่า ต่อไป