ไปรษณีย์ไทยคาดปีนี้ แสตมป์จะทำรายได้ 500 ล้านบาท จากไฮไลแสตมป์ 60 ปีพระราชพิธีราชาภิเษก และแสตมป์ที่ระลึกพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสซึ่งทำด้วยคริสตัล สวารอฟสกี้ เตรียมขยายบริการธุรกรรมการเงินออนไลน์ และเพิ่มธุรกิจขนส่งและกระจายสินค้าการเกษตร หลังแนวโน้มรายได้จากธุรกิจสื่อสาร จดหมายพัสดุ ส.ค.ส.เริ่มลดลง
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย (ปณท.) กล่าวว่า ในปี 2553คาดว่ารายได้จากการจำหน่ายแสตมป์จะมีราว 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 450 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ทำให้รายได้ในปีนี้เติบโตขึ้นเป็นเพราะไปรษณีย์ไทยเตรียมจัดทำแสตมป์พิเศษ 2 รายการเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้แก่ แสตมป์ 60ปีพระราชพิธีราชาภิเษก 5พ.ค.53 และแสตมป์ที่ระลึกพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ซึ่งจัดทำด้วยคริสตัล สวารอฟสกี้ 28 เม.ย.53 โดยแสตมป์พิเศษจะจัดทำขึ้นอย่างละ 1 ล้านชุด และคาดว่าจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ไปรษณีย์ไทยยังมีแผนออกแสตมป์พิเศษชุดมหัศจรรย์ไหมไทย ซึ่งจัดทำด้วยผ้าไหมไทย เป็นรูปนกยูงชุดแรก ในวันที่ 4 ส.ค.53 คาดว่าจะได้รับความนิยมเช่นกันนอกจากนี้ล่าสุดไปรษณีย์ไทยได้จัดทำแสตมป์ที่ระลึกสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ.2553ของสำนักงานสถิติแห่งชาติในวาระพิเศษครบรอบ 100 ปีของการทำสำมะโนครัว พร้อมกับเป็นการต้อนรับสถิติประชากรไทยก้าวสู่ 70 ล้านคนอีกด้วย แสตมป์ชุดดังกล่าวจัดพิมพ์ 7 แสนชุด
นายออมสิน กล่าวต่อว่า รายได้จากการส่งสคส.และของขวัญในเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงจากปีที่ผ่านมาด้วยตัวเลขหนึ่งหลักหรือประมาณ 2-3% ซึ่งการลดลงดังกล่าวมีมาอย่างต่อเนื่อง เพราะคนหันไปใช้การส่งคำอวยพรผ่านข้อความสั้น(SMS ) และการ์ดอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอีเมล์มากขึ้น
อย่างไรก็ตามปริมาณที่ลดลง ไม่มากเท่าที่เคยคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าซึ่งเหตุผลน่าจะมาจากการส่งการ์ดอวยพร และของขวัญยังให้ความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่าสำหรับผู้ส่งและผู้รับ แต่เพื่อเป็นการรองรับการส่งความสุขผ่านส.ค.ส.และของขวัญด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไปรษณีย์ไทยกำลังศึกษาแนวทางให้ผู้ส่งสามารถมาเลือก ส.ค.ส.ที่ทำการไปรษณีย์ไทยแล้วส่งได้ทันที หรือใช้วิธีการส่งผ่าน อี-โพสต์แทนวิธีการที่ลูกค้าต้องเดินหาซื้อส.ค.ส.เอง
ทั้งนี้รายได้จากกลุ่มธุรกิจสื่อสาร ได้แก่ การส่งจดหมาย พัสดุ ส.ค.ส. ของไปรษณีย์ไทยมีแนวโน้มลงลด โดยปัจจุบันทำรายได้ 70 % จากรายได้รวมทั้งหมด แต่ก็ยังเป็นหัวใจหลักของการสร้างรายได้ แต่เพื่อเป็นปรับตัวรับกับแนวโน้มดังกล่าวไปรษณีย์ไทยได้หันไปเพิ่มรายได้ในกลุ่มธุรกิจการเงิน โดยปีนี้จะเน้นการปรับปรุงประสิทธิ ภาพการชำระเงินออนไลน์ พร้อมทั้งหาพันธมิตรมากขึ้นเพราะปัจจุบันคนทั่วไปนิยมชำระเงินผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น โดยธุรกิจการเงินทำรายได้ให้ไปรษณีย์ 8 % ของรายได้รวม และจะเพิ่มขึ้นเป็น 10 % ในปีนี้
นอกจากนี้ไปรษณีย์ไทย ยังมีแผนขยายธุรกิจขนส่ง ด้วยการรับเป็นผู้ขนส่งสินค้าการเกษตรในทุกภูมิภาคจากเกษตรกร และนำไปกระจายต่อทั่วประเทศ ซึ่งโครงการดังกล่าวจำเป็นจะต้องได้รับความเห็นชอบและสนับสนุนจากรัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้องเช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ ก่อนจึงจะเดินหน้าโครงการได้
“การรับเป็นผู้ขนส่งและกระจายสินค้าของไปรษณีย์ไทย นอกจากจะช่วยให้บริษัทมีรายได้มากขึ้นแล้วยังช่วยให้สินค้าการเกษตรมีราคาสูงขึ้น หากโครงการนี้ผ่านความเห็นชอบไปรษณีย์ไทยมีแผนทำห้องแช่เย็นที่ศูนย์กระจายสินค้า 14 แห่งทั่วประเทศเพื่อพักสินค้า และปรับปรุงรถขนส่งให้เป็นรถแช่เย็น”
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย (ปณท.) กล่าวว่า ในปี 2553คาดว่ารายได้จากการจำหน่ายแสตมป์จะมีราว 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 450 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ทำให้รายได้ในปีนี้เติบโตขึ้นเป็นเพราะไปรษณีย์ไทยเตรียมจัดทำแสตมป์พิเศษ 2 รายการเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้แก่ แสตมป์ 60ปีพระราชพิธีราชาภิเษก 5พ.ค.53 และแสตมป์ที่ระลึกพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ซึ่งจัดทำด้วยคริสตัล สวารอฟสกี้ 28 เม.ย.53 โดยแสตมป์พิเศษจะจัดทำขึ้นอย่างละ 1 ล้านชุด และคาดว่าจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ไปรษณีย์ไทยยังมีแผนออกแสตมป์พิเศษชุดมหัศจรรย์ไหมไทย ซึ่งจัดทำด้วยผ้าไหมไทย เป็นรูปนกยูงชุดแรก ในวันที่ 4 ส.ค.53 คาดว่าจะได้รับความนิยมเช่นกันนอกจากนี้ล่าสุดไปรษณีย์ไทยได้จัดทำแสตมป์ที่ระลึกสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ.2553ของสำนักงานสถิติแห่งชาติในวาระพิเศษครบรอบ 100 ปีของการทำสำมะโนครัว พร้อมกับเป็นการต้อนรับสถิติประชากรไทยก้าวสู่ 70 ล้านคนอีกด้วย แสตมป์ชุดดังกล่าวจัดพิมพ์ 7 แสนชุด
นายออมสิน กล่าวต่อว่า รายได้จากการส่งสคส.และของขวัญในเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงจากปีที่ผ่านมาด้วยตัวเลขหนึ่งหลักหรือประมาณ 2-3% ซึ่งการลดลงดังกล่าวมีมาอย่างต่อเนื่อง เพราะคนหันไปใช้การส่งคำอวยพรผ่านข้อความสั้น(SMS ) และการ์ดอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอีเมล์มากขึ้น
อย่างไรก็ตามปริมาณที่ลดลง ไม่มากเท่าที่เคยคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าซึ่งเหตุผลน่าจะมาจากการส่งการ์ดอวยพร และของขวัญยังให้ความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่าสำหรับผู้ส่งและผู้รับ แต่เพื่อเป็นการรองรับการส่งความสุขผ่านส.ค.ส.และของขวัญด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไปรษณีย์ไทยกำลังศึกษาแนวทางให้ผู้ส่งสามารถมาเลือก ส.ค.ส.ที่ทำการไปรษณีย์ไทยแล้วส่งได้ทันที หรือใช้วิธีการส่งผ่าน อี-โพสต์แทนวิธีการที่ลูกค้าต้องเดินหาซื้อส.ค.ส.เอง
ทั้งนี้รายได้จากกลุ่มธุรกิจสื่อสาร ได้แก่ การส่งจดหมาย พัสดุ ส.ค.ส. ของไปรษณีย์ไทยมีแนวโน้มลงลด โดยปัจจุบันทำรายได้ 70 % จากรายได้รวมทั้งหมด แต่ก็ยังเป็นหัวใจหลักของการสร้างรายได้ แต่เพื่อเป็นปรับตัวรับกับแนวโน้มดังกล่าวไปรษณีย์ไทยได้หันไปเพิ่มรายได้ในกลุ่มธุรกิจการเงิน โดยปีนี้จะเน้นการปรับปรุงประสิทธิ ภาพการชำระเงินออนไลน์ พร้อมทั้งหาพันธมิตรมากขึ้นเพราะปัจจุบันคนทั่วไปนิยมชำระเงินผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น โดยธุรกิจการเงินทำรายได้ให้ไปรษณีย์ 8 % ของรายได้รวม และจะเพิ่มขึ้นเป็น 10 % ในปีนี้
นอกจากนี้ไปรษณีย์ไทย ยังมีแผนขยายธุรกิจขนส่ง ด้วยการรับเป็นผู้ขนส่งสินค้าการเกษตรในทุกภูมิภาคจากเกษตรกร และนำไปกระจายต่อทั่วประเทศ ซึ่งโครงการดังกล่าวจำเป็นจะต้องได้รับความเห็นชอบและสนับสนุนจากรัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้องเช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ ก่อนจึงจะเดินหน้าโครงการได้
“การรับเป็นผู้ขนส่งและกระจายสินค้าของไปรษณีย์ไทย นอกจากจะช่วยให้บริษัทมีรายได้มากขึ้นแล้วยังช่วยให้สินค้าการเกษตรมีราคาสูงขึ้น หากโครงการนี้ผ่านความเห็นชอบไปรษณีย์ไทยมีแผนทำห้องแช่เย็นที่ศูนย์กระจายสินค้า 14 แห่งทั่วประเทศเพื่อพักสินค้า และปรับปรุงรถขนส่งให้เป็นรถแช่เย็น”