บล.เคจีไอ ปรับประมาณการผลงาน " เจริญโภคภัณฑ์อาหาร" คาดปีนี้กำไรสูงถึง 10,445 ล้านบาท และปี53 ยังเติบโตต่อเนื่องจากการเน้นกลยุทธ์ระยะยาวรุกธุรกิจเพิ่มมูลค่า อีกทั้งเป็นปีการเจรจา Anti-dumping กับสหรัฐฯ น่าจะจบลงด้วยดี แนะให้ " ซื้อCPF " ราคาเป้าหมาย 12.40 บาทต่อหุ้น
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ปรับประมาณการผลการดำเนินงานบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือCPF ปีนี้ โดยคาดว่าจะมีผลกำไร 10,445 ล้านบาทหรือประมาณ 1.40 บาทต่อหุ้น พร้อมระบุปี 53 CPF มีศักยภาพทำกำไรโดดเด่นต่อเนื่อง เพิ่มจากปี 52 โดยจะสามารถทำกำไรได้ที่ 11,059 ล้านบาท จากกลยุทธ์ระยะยาวที่ CPF หันมารุกธุรกิจเพิ่มมูลค่ามากขึ้น อย่างธุรกิจอาหารภายใต้แบรนด์ซีพีที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทั้งตลาดในและต่างประเทศ ประกอบกับธุรกิจไก่ย่างห้าดาวที่ประสบความสำเร็จดียิ่ง เตรียมพร้อมขยายไลน์ธุรกิจข้าวมันไก่และบะหมี่เป็ดย่างเสริมความแข็งแกร่ง
จากข้อมูลของ IMF เคจีไอฯ คาดระดับราคาสุกร ไก่เนื้อ และกุ้งจะปรับตัวสูงขึ้นจากระดับเฉลี่ยของปีนี้ ทำให้ธุรกิจฟาร์มของ CPF น่าจะยังคงมีการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องและไม่กังวลในเรื่องของราคาวัตถุดิบมากนัก แม้ว่าระดับราคาปัจจุบันจะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจาก CPF มีการซื้อล่วงหน้าและสต๊อกวัตถุดิบเหล่านี้ไว้บ้างแล้วจนถึงประมาณไตรมาสที่ 1 ปี 53 และในปลายไตรมาส 2 ก็จะเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว คาดว่า CPF จะต้องใช้วัตถุดิบในราคาปัจจุบันไม่กี่เดือนในปี 53 เท่านั้น
นอกจากนั้น เคจีไอฯ มองว่า ปี 53 น่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมกุ้งไทย จากผลการเจรจาของเรื่อง Anti-dumping กับสหรัฐอเมริกาน่าจะจบลงด้วยดีต่อประเทศไทย จึงแนะนำให้ "ซื้อCPF " จากศักยภาพในการทำกำไรได้โดดเด่นทั้งในปีนี้และปีหน้า ด้วยราคาเป้าหมาย 12.40 บาทต่อหุ้น
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร CPF เปิดเผยว่า ปี 53 ยังคงเน้นสร้างผลกำไรมากกว่ายอดขาย โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตในส่วนของยอดขายไม่มากนัก ที่ประมาณ 170,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5-7% จากปี 52
"กลยุทธ์สำหรับการดำเนินงานในปี 53 นั้น ยังให้ความสำคัญต่อการผลักดันตลาดสินค้าอาหารพร้อมรับประทานทั้งในและต่างประเทศ โดยเน้นขยายช่องทางจัดจำหน่ายในร้านค้าปลีก และพัฒนาประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างต้นทุนในการผลิตและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพในการแข่งขันให้เพิ่มมากขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายการบริหารการเงินการลงทุนให้ต้นทุนด้านการเงินลดลง ซึ่งได้มีการศึกษาหลายโครงการเพื่อสร้างผลกำไรให้เติบโตต่อเนื่อง " นายอดิเรกกล่าวและว่า
กิจการธุรกิจกุ้งครบวงจรเป็นธุรกิจหลักที่จะมีผลการดำเนินงานโดดเด่น และเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ สังเกตุได้จากที่ได้เริ่มพัฒนาสินค้าเกี๊ยวกุ้ง บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง และกุ้งปรุงสุก จำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ ปรากฎผลตอบรับที่ดีทุกประเทศ ขณะที่การพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งโดยรวมของไทยมีความแข็งแกร่ง สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก กุ้งจึงเป็นสินค้าที่มีศักยภาพสูง ส่งผลให้การส่งออกได้ผลดี
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้คาดว่าอัตราการบริโภคโดยรวมในประเทศไทยจะมีการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด จึงไม่ได้ตั้งเป้าการเติบโตจากยอดขายภายในประเทศมากนัก ยกเว้นธุรกิจการจัดจำหน่ายในช่องทางค้าปลีก เช่น ร้านซีพีเฟรชมาร์ท ไก่ย่างห้าดาว ไก่ทอดห้าดาว และสินค้าอาหารภายใต้แบรนด์ซีพีที่จะมีอัตราการเติบโตมากกว่า 20% จากปีนี้
ด้านต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะราคาวัตถุดิบนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ CPF แต่อย่างใด และสถานการณ์ราคาเป็นไปตามที่บริษัทคาดการณ์ไว้ และได้มีการเก็บสต๊อกวัตถุดิบไว้ล่วงหน้า ด้วยเป้าหมายการเติบโตทั้งยอดขายและกำไรในปีหน้านั้น ได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าต้นทุนคงจะปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีนี้ไม่มากนัก และคาดว่าราคาเฉลี่ยวัตถุดิบหลักนั้นไม่น่าจะปรับตัวสูงกว่าระดับราคาในปัจจุบันมากนัก
อย่างไรก็ดี การบริหารด้านการเงินและการลงทุน เป็นอีกโครงการที่สำคัญที่บริษัทได้ดำเนินการมาเพื่อช่วยเสริมให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจากการบริหารต้นทุนทางการเงินให้ต่ำลง หรือ การบริหารเงินลงทุนให้มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ จึงค่อนข้างมั่นใจว่าปีนี้จะมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และจ่ายปันผลครึ่งปีหลังให้ผู้ถือหุ้นสูงกว่าครึ่งปีแรกแน่นอน
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ปรับประมาณการผลการดำเนินงานบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือCPF ปีนี้ โดยคาดว่าจะมีผลกำไร 10,445 ล้านบาทหรือประมาณ 1.40 บาทต่อหุ้น พร้อมระบุปี 53 CPF มีศักยภาพทำกำไรโดดเด่นต่อเนื่อง เพิ่มจากปี 52 โดยจะสามารถทำกำไรได้ที่ 11,059 ล้านบาท จากกลยุทธ์ระยะยาวที่ CPF หันมารุกธุรกิจเพิ่มมูลค่ามากขึ้น อย่างธุรกิจอาหารภายใต้แบรนด์ซีพีที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทั้งตลาดในและต่างประเทศ ประกอบกับธุรกิจไก่ย่างห้าดาวที่ประสบความสำเร็จดียิ่ง เตรียมพร้อมขยายไลน์ธุรกิจข้าวมันไก่และบะหมี่เป็ดย่างเสริมความแข็งแกร่ง
จากข้อมูลของ IMF เคจีไอฯ คาดระดับราคาสุกร ไก่เนื้อ และกุ้งจะปรับตัวสูงขึ้นจากระดับเฉลี่ยของปีนี้ ทำให้ธุรกิจฟาร์มของ CPF น่าจะยังคงมีการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องและไม่กังวลในเรื่องของราคาวัตถุดิบมากนัก แม้ว่าระดับราคาปัจจุบันจะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจาก CPF มีการซื้อล่วงหน้าและสต๊อกวัตถุดิบเหล่านี้ไว้บ้างแล้วจนถึงประมาณไตรมาสที่ 1 ปี 53 และในปลายไตรมาส 2 ก็จะเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว คาดว่า CPF จะต้องใช้วัตถุดิบในราคาปัจจุบันไม่กี่เดือนในปี 53 เท่านั้น
นอกจากนั้น เคจีไอฯ มองว่า ปี 53 น่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมกุ้งไทย จากผลการเจรจาของเรื่อง Anti-dumping กับสหรัฐอเมริกาน่าจะจบลงด้วยดีต่อประเทศไทย จึงแนะนำให้ "ซื้อCPF " จากศักยภาพในการทำกำไรได้โดดเด่นทั้งในปีนี้และปีหน้า ด้วยราคาเป้าหมาย 12.40 บาทต่อหุ้น
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร CPF เปิดเผยว่า ปี 53 ยังคงเน้นสร้างผลกำไรมากกว่ายอดขาย โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตในส่วนของยอดขายไม่มากนัก ที่ประมาณ 170,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5-7% จากปี 52
"กลยุทธ์สำหรับการดำเนินงานในปี 53 นั้น ยังให้ความสำคัญต่อการผลักดันตลาดสินค้าอาหารพร้อมรับประทานทั้งในและต่างประเทศ โดยเน้นขยายช่องทางจัดจำหน่ายในร้านค้าปลีก และพัฒนาประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างต้นทุนในการผลิตและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพในการแข่งขันให้เพิ่มมากขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายการบริหารการเงินการลงทุนให้ต้นทุนด้านการเงินลดลง ซึ่งได้มีการศึกษาหลายโครงการเพื่อสร้างผลกำไรให้เติบโตต่อเนื่อง " นายอดิเรกกล่าวและว่า
กิจการธุรกิจกุ้งครบวงจรเป็นธุรกิจหลักที่จะมีผลการดำเนินงานโดดเด่น และเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ สังเกตุได้จากที่ได้เริ่มพัฒนาสินค้าเกี๊ยวกุ้ง บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง และกุ้งปรุงสุก จำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ ปรากฎผลตอบรับที่ดีทุกประเทศ ขณะที่การพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งโดยรวมของไทยมีความแข็งแกร่ง สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก กุ้งจึงเป็นสินค้าที่มีศักยภาพสูง ส่งผลให้การส่งออกได้ผลดี
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้คาดว่าอัตราการบริโภคโดยรวมในประเทศไทยจะมีการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด จึงไม่ได้ตั้งเป้าการเติบโตจากยอดขายภายในประเทศมากนัก ยกเว้นธุรกิจการจัดจำหน่ายในช่องทางค้าปลีก เช่น ร้านซีพีเฟรชมาร์ท ไก่ย่างห้าดาว ไก่ทอดห้าดาว และสินค้าอาหารภายใต้แบรนด์ซีพีที่จะมีอัตราการเติบโตมากกว่า 20% จากปีนี้
ด้านต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะราคาวัตถุดิบนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ CPF แต่อย่างใด และสถานการณ์ราคาเป็นไปตามที่บริษัทคาดการณ์ไว้ และได้มีการเก็บสต๊อกวัตถุดิบไว้ล่วงหน้า ด้วยเป้าหมายการเติบโตทั้งยอดขายและกำไรในปีหน้านั้น ได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าต้นทุนคงจะปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีนี้ไม่มากนัก และคาดว่าราคาเฉลี่ยวัตถุดิบหลักนั้นไม่น่าจะปรับตัวสูงกว่าระดับราคาในปัจจุบันมากนัก
อย่างไรก็ดี การบริหารด้านการเงินและการลงทุน เป็นอีกโครงการที่สำคัญที่บริษัทได้ดำเนินการมาเพื่อช่วยเสริมให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจากการบริหารต้นทุนทางการเงินให้ต่ำลง หรือ การบริหารเงินลงทุนให้มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ จึงค่อนข้างมั่นใจว่าปีนี้จะมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และจ่ายปันผลครึ่งปีหลังให้ผู้ถือหุ้นสูงกว่าครึ่งปีแรกแน่นอน