xs
xsm
sm
md
lg

ส.อ.ท.แจงอุบัติเหตุก๊าซรั่ว "มาบตาพุด" ใบโพธิ์จี้รัฐสางปัญหา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประธาน ส.อ.ท.ชี้ ก๊าซรั่วในนิคมฯ "มาบตาพุด" เป็นอุบัติเหตุ ยันไม่กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน "รมว.พลังงาน" ถกผลกระทบ-ความเสียหาย วันนี้ ห่วงโรงแยกก๊าซ ปตท.เดี้ยง ต้องนำเข้าแอลพีจีอ่วม ขณะที่ ธ.ไทยพาณิชย์ ยันสินเชื่อไม่กระทบ จี้รัฐบาลเร่งสางปัญหา หวั่นกระทบความเชื่อมั่นลงทุนระยะยาว

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงปัญหาก๊าซรั่วในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ซึ่งล่าสุดได้เกิดขึ้นอีกครั้งบริเวณบริษัท โกล์ว เอสทีพี 3 จำกัด โดยระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ ซึ่งทางการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ก็ได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมพอใจระบบเตือนภัยที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการแจ้งเตือนภัยได้รวดเร็วไม่เกิน 2 ชั่วโมง

นายสันติ ยังมองว่า ปัญหาก๊าซรั่วในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน กลับมองว่าความชัดเจนของการออกมาตรา 67 วรรค 2 ที่จะต้องรีบมีกรอบหลักเกณฑ์การทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ (เอชไอเอ) ที่ชัดเจน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน

ด้านนายวรรณรัตน์ ชาญนุกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงผลกระทบจากคำสั่งระงับการดำเนินกิจการ 65 โครงการในมาบตาพุด โดยระบุว่า ขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า โรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 6 จะสามารถเปิดดำเนินการได้หรือไม่ แม้ว่าโครงการนี้ดำเนินการก่อนรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ที่ระบุให้ต้องทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ทั้งนี้ หากโรงแยกก๊าซดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้ ก็จะทำให้คนไทยต้องนำเข้าแอลพีจีเพิ่มขึ้น

โดยในวันนี้ กระทรวงพลังงานจะหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามผลกระทบด้านนี้ รวมทั้งในส่วนของพลังงานไฟฟ้า ปิโตรเคมี และน้ำมัน

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ปัจจุบันราคาก๊าซแอลพีจีในตลาดโลกสูงขึ้นมาก โดยพบว่า เดือนธันวาคม 2552 นี้ ราคาอยู่ที่ตันละ 724 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 600 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น และความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีในต่างประเทศในช่วงฤดูหนาวนั้นสูงมาก

ขณะที่ นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลกระทบในการปล่อยสินเชื่อให้กับการชะลอโครงการลงทุนในนิคมฯ มาบตาพุด โดยยืนยันว่า ธนาคารไม่น่าจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีปริมาณสินเชื่อเพียง 2 พันล้านบาทเท่านั้น โดยยังสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามปกติ ไม่มีการดึงวงเงินสินเชื่อกลับคืนหรือชะลอการเบิกจ่ายเงิน

อย่างไรก็ตาม มองว่า ปัญหาดังกล่าว อาจส่งผลให้ลูกค้าของการเบิกจ่ายเงินล่าช้าออกไปจากกำหนดเดิม โดยธนาคารพร้อมที่จะผ่อนคลายเงื่อนไขเพื่อช่วยเหลือลูกค้าอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ รัฐบาลควรที่จะเร่งหาความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ได้ข้อยุติโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะยาว ไม่เช่นนั้นนักลงทุนอาจเปลี่ยนใจไปลงทุนที่ประเทศอื่น ซึ่งจะสร้างปัญหาต่างๆ ตามมาอีกมากมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น