ทีโอทีคาดขายส่ง 3G หรือ MVNO เอกชน 5 ราย ทำรายได้เดือนละ 150 ล้านบาท ให้เบอร์ขายรายละ 2 หมื่นเลขหมายเปิดบริการพร้อมกัน 3 ธ.ค.นี้ ลูกค้าเก่าไทยโมบายหมื่นคนส้มหล่น รอรับมือถือ 3G ฟรี
นายวิเชียร นาคสีนวล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอทีกล่าวว่า ทีโอทีคาดการณ์รายได้จากการขายส่งการให้เช่าโครงข่าย (MVNO หรือ Mobile Virtual Network Operator) โทรศัพท์มือถือ 3G ของบริษัทเอกชนที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อให้บริการ 5 ราย คือบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย บริษัท 365 คอมมูนิเคชั่น บริษัท ล็อกซเล่ย์ บริษัท ไออีซี และบริษัท เอ็ม คอนซัลต์ เอเซีย ในช่วงเริ่มต้นเดือนละประมาณ 150 ล้านบาท หรือเฉลี่ยขั้นต่ำรายได้ 300 บาท/เดือน/เลขหมาย ซึ่งหากทีโอทีมีรายได้ตามที่คาดไว้ถือว่าคุ้มทุนจากการดำเนินการแล้ว โดยผู้ประกอบการ MVNO ทั้ง 5 รายจะเปิดให้บริการ 3G พร้อมกันวันที่ 3 ธ.ค.นี้ จากเดิมทีโอทีคาดว่าจะมีเพียงสามารถไอ-โมบาย และ บริษัท 365 เท่านั้นที่จะมีความพร้อมในการดำเนินการ
สำหรับการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของ 3G ทีโอทีในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ทีโอทีจะจัดสรรเลขหมายให้ผู้ประกอบการ MVNO ไปจำหน่ายรายละ 20,000 เลขหมาย หลังจากนั้นจะพิจารณาจัดสรรเลขหมายเพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการทีละราย ส่วนการทำตลาด การเลือกกลุ่มเป้าหมาย และโปรโมชั่น ผู้ประกอบการทั้ง 5 รายต้องดำเนินการเองโดยจุดดึงดูดลูกค้าอยู่ที่คอนเทนต์ที่แตกต่างกันของแต่ละรายสำหรับในส่วนที่ทีโอทีจะทำตลาด 3G เองจำนวน 1 แสนเลขหมายจะเน้นกลุ่มลูกค้าองค์กรเป็นหลัก
‘การที่ทีโอทีเปิดให้บริการ 3G เฟสแรกก่อนที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จะเปิดประมูลใบอนุญาต 3G ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของทีโอที ดังนั้นทีโอทีต้องดึงให้ลูกค้ามาใช้งาน 3Gของทีโอทีให้ได้มากที่สุด เบื้องต้นจะขยายสถานีฐานซึ่งรองรับการใช้งาน 3G ในอาคารเพิ่มอีก 200 แห่ง ด้วยงบ 600 ล้านบาท จากเดิมที่มีสถานีฐานครอบคลุมกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 548 สถานีฐาน’
ทีโอทียังมีแผนจะแจกโทรศัพท์มือถือที่รองรับระบบ 3G ให้กับลูกค้าไทยโมบายเดิมจำนวน 10,000 รายหรือแจกคูปองพิเศษสำหรับเป็นส่วนลดซื้อเครื่องใหม่ โดยโทรศัพท์มือถือที่ทีโอทีสั่งผลิตจากประเทศจีนมีราคาอยู่ที่ 4,000 บาท/เครื่องและในวันที่19-23 พ.ย.นี้ ทีโอทีจะเปิดขายซิมการ์ด 3G ซึ่งเป็นโปรโมชั่นพิเศษให้พนักงานและมีแผนทำโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้าโทรศัพท์บ้านของทีโอทีที่มีอยู่ 2 ล้านรายในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลด้วย
นายวิเชียรกล่าวต่อว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมาสภาฯได้ผ่านความเห็นชอบโครงการ 3G เฟส 2 ทั่วประเทศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในงบโครงการไทยเข้มแข็ง ด้วยคะแนนเสียง300 เสียงต่อ 20 เสียง โดยกระทรวงการคลังได้นำเสนอโครงการ 3G มูลค่า 29,000 ล้านบาทตามมติครม.เมื่อวันที่ 9 ก.ย.51 ซึ่งทีโอทีจะกู้เงินจำนวน 80% หรือราว 23,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 20% ทีโอทีจะเป็นผู้ลงทุนเอง สำหรับการทำโครงข่ายด้วยงบประมาณดังกล่าวสามารถรองรับเลขหมายให้บริการได้ 5 ล้านเลขหมายทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จะต้องเสนอเรื่องนี้ให้กระทรวงการคลังพิจารณาว่าจะเป็นผู้รับรองค้ำประกันเงินกู้ให้ทีโอทีหรือไม่ ซึ่งตามมติครม.เดิมระบุชัดเจนว่าคลังต้องเป็นผู้ค้ำประกัน ทั้งนี้ในเงื่อนไขการประมูลระบุไว้ชัดเจนว่าผู้เสนอราคาต้องยื่นแหล่งเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยและชนะการประมูลทีโอทีก็จะเสนอแหล่งเงินกู้ที่ผู้ชนะเสนอต่อคลังหากคลังเห็นชอบก็เดินหน้าตามขั้นตอนต่อไปได้ แต่หากคลังไม่เห็นชอบคลังจะต้องเป็นผู้หาแหล่งเงินกู้ที่ดีกว่าให้
นายวรุธ สุวกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที กล่าวว่า ทีโอที ได้รับอนุมัติแผนงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง และบริการเพื่อสังคม หรือUniversal Service Obligation (USO) จากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2549 ระยะเวลาโครงการ 3 ปี ซึ่งทีโอทีดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2550ปัจจุบันทีโอทีดำเนินงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงในระยะแรกเสร็จแล้ว ซึ่งการดำเนินการเน้นการเข้าถึงบริการโทรศัพท์สาธารณะในพื้นที่ห่างไกล ทั้งหมู่บ้าน โรงเรียน และสถานีอนามัย รวมทั้งติดตั้งและให้บริการโทรศัพท์สาธารณะเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการทางการเคลื่อนไหว การมองเห็นและการได้ยินโดยการดำเนินงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงในระยะที่สองจะเน้นการให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต
พล.อ.ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธาน กทช. กล่าวว่าการดำเนินการจัดทำประกาศโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงในระยะที่สอง กทช.ได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU)ในการให้คำปรึกษา ซึ่งขณะนี้ประกาศดังกล่าวได้ใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.52โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง ส่วนหนึ่งมาจากรายได้ 4% ก่อนหักค่าใช้จ่ายของผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประเภทที่ 2 และ 3 จำนวน 24 ราย โดยคาดว่าจะมีวงเงินใช้จ่ายในโครงการดังกล่าวไม่เกินปีละ 4,000 ล้านบาท
นายประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ กรรมการกทช. กล่าวว่า หลังจากนี้อีก 2-3 ปี อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพื่อให้บริการโทรศัพท์สาธารณะในโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงก็ต้องมีค่าบำรุงรักษา ซึ่งทีโอทีสามารถนำค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษามาหักลดหย่อนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตโทรคมนาคมที่ต้องจ่ายให้กับ กทช.ได้โดยการให้บริการโทรคมนาคมขั้นพื้นฐานจะอิงตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลก ซึ่งในอนาคตอาจนำเทคโนโลยี 3G มาให้บริการโทรคมนาคมขั้นพื้นฐานก็ได้
นายวิเชียร นาคสีนวล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอทีกล่าวว่า ทีโอทีคาดการณ์รายได้จากการขายส่งการให้เช่าโครงข่าย (MVNO หรือ Mobile Virtual Network Operator) โทรศัพท์มือถือ 3G ของบริษัทเอกชนที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อให้บริการ 5 ราย คือบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย บริษัท 365 คอมมูนิเคชั่น บริษัท ล็อกซเล่ย์ บริษัท ไออีซี และบริษัท เอ็ม คอนซัลต์ เอเซีย ในช่วงเริ่มต้นเดือนละประมาณ 150 ล้านบาท หรือเฉลี่ยขั้นต่ำรายได้ 300 บาท/เดือน/เลขหมาย ซึ่งหากทีโอทีมีรายได้ตามที่คาดไว้ถือว่าคุ้มทุนจากการดำเนินการแล้ว โดยผู้ประกอบการ MVNO ทั้ง 5 รายจะเปิดให้บริการ 3G พร้อมกันวันที่ 3 ธ.ค.นี้ จากเดิมทีโอทีคาดว่าจะมีเพียงสามารถไอ-โมบาย และ บริษัท 365 เท่านั้นที่จะมีความพร้อมในการดำเนินการ
สำหรับการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของ 3G ทีโอทีในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ทีโอทีจะจัดสรรเลขหมายให้ผู้ประกอบการ MVNO ไปจำหน่ายรายละ 20,000 เลขหมาย หลังจากนั้นจะพิจารณาจัดสรรเลขหมายเพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการทีละราย ส่วนการทำตลาด การเลือกกลุ่มเป้าหมาย และโปรโมชั่น ผู้ประกอบการทั้ง 5 รายต้องดำเนินการเองโดยจุดดึงดูดลูกค้าอยู่ที่คอนเทนต์ที่แตกต่างกันของแต่ละรายสำหรับในส่วนที่ทีโอทีจะทำตลาด 3G เองจำนวน 1 แสนเลขหมายจะเน้นกลุ่มลูกค้าองค์กรเป็นหลัก
‘การที่ทีโอทีเปิดให้บริการ 3G เฟสแรกก่อนที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จะเปิดประมูลใบอนุญาต 3G ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของทีโอที ดังนั้นทีโอทีต้องดึงให้ลูกค้ามาใช้งาน 3Gของทีโอทีให้ได้มากที่สุด เบื้องต้นจะขยายสถานีฐานซึ่งรองรับการใช้งาน 3G ในอาคารเพิ่มอีก 200 แห่ง ด้วยงบ 600 ล้านบาท จากเดิมที่มีสถานีฐานครอบคลุมกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 548 สถานีฐาน’
ทีโอทียังมีแผนจะแจกโทรศัพท์มือถือที่รองรับระบบ 3G ให้กับลูกค้าไทยโมบายเดิมจำนวน 10,000 รายหรือแจกคูปองพิเศษสำหรับเป็นส่วนลดซื้อเครื่องใหม่ โดยโทรศัพท์มือถือที่ทีโอทีสั่งผลิตจากประเทศจีนมีราคาอยู่ที่ 4,000 บาท/เครื่องและในวันที่19-23 พ.ย.นี้ ทีโอทีจะเปิดขายซิมการ์ด 3G ซึ่งเป็นโปรโมชั่นพิเศษให้พนักงานและมีแผนทำโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้าโทรศัพท์บ้านของทีโอทีที่มีอยู่ 2 ล้านรายในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลด้วย
นายวิเชียรกล่าวต่อว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมาสภาฯได้ผ่านความเห็นชอบโครงการ 3G เฟส 2 ทั่วประเทศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในงบโครงการไทยเข้มแข็ง ด้วยคะแนนเสียง300 เสียงต่อ 20 เสียง โดยกระทรวงการคลังได้นำเสนอโครงการ 3G มูลค่า 29,000 ล้านบาทตามมติครม.เมื่อวันที่ 9 ก.ย.51 ซึ่งทีโอทีจะกู้เงินจำนวน 80% หรือราว 23,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 20% ทีโอทีจะเป็นผู้ลงทุนเอง สำหรับการทำโครงข่ายด้วยงบประมาณดังกล่าวสามารถรองรับเลขหมายให้บริการได้ 5 ล้านเลขหมายทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จะต้องเสนอเรื่องนี้ให้กระทรวงการคลังพิจารณาว่าจะเป็นผู้รับรองค้ำประกันเงินกู้ให้ทีโอทีหรือไม่ ซึ่งตามมติครม.เดิมระบุชัดเจนว่าคลังต้องเป็นผู้ค้ำประกัน ทั้งนี้ในเงื่อนไขการประมูลระบุไว้ชัดเจนว่าผู้เสนอราคาต้องยื่นแหล่งเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยและชนะการประมูลทีโอทีก็จะเสนอแหล่งเงินกู้ที่ผู้ชนะเสนอต่อคลังหากคลังเห็นชอบก็เดินหน้าตามขั้นตอนต่อไปได้ แต่หากคลังไม่เห็นชอบคลังจะต้องเป็นผู้หาแหล่งเงินกู้ที่ดีกว่าให้
นายวรุธ สุวกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที กล่าวว่า ทีโอที ได้รับอนุมัติแผนงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง และบริการเพื่อสังคม หรือUniversal Service Obligation (USO) จากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2549 ระยะเวลาโครงการ 3 ปี ซึ่งทีโอทีดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2550ปัจจุบันทีโอทีดำเนินงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงในระยะแรกเสร็จแล้ว ซึ่งการดำเนินการเน้นการเข้าถึงบริการโทรศัพท์สาธารณะในพื้นที่ห่างไกล ทั้งหมู่บ้าน โรงเรียน และสถานีอนามัย รวมทั้งติดตั้งและให้บริการโทรศัพท์สาธารณะเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการทางการเคลื่อนไหว การมองเห็นและการได้ยินโดยการดำเนินงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงในระยะที่สองจะเน้นการให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต
พล.อ.ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธาน กทช. กล่าวว่าการดำเนินการจัดทำประกาศโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงในระยะที่สอง กทช.ได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU)ในการให้คำปรึกษา ซึ่งขณะนี้ประกาศดังกล่าวได้ใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.52โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง ส่วนหนึ่งมาจากรายได้ 4% ก่อนหักค่าใช้จ่ายของผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประเภทที่ 2 และ 3 จำนวน 24 ราย โดยคาดว่าจะมีวงเงินใช้จ่ายในโครงการดังกล่าวไม่เกินปีละ 4,000 ล้านบาท
นายประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ กรรมการกทช. กล่าวว่า หลังจากนี้อีก 2-3 ปี อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพื่อให้บริการโทรศัพท์สาธารณะในโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงก็ต้องมีค่าบำรุงรักษา ซึ่งทีโอทีสามารถนำค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษามาหักลดหย่อนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตโทรคมนาคมที่ต้องจ่ายให้กับ กทช.ได้โดยการให้บริการโทรคมนาคมขั้นพื้นฐานจะอิงตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลก ซึ่งในอนาคตอาจนำเทคโนโลยี 3G มาให้บริการโทรคมนาคมขั้นพื้นฐานก็ได้