ปตท.เคมิคอลปรับเป้ารายได้ปีหน้าพุ่งแตะ 1.5 แสนล้านบาท หลังประเมินราคาเม็ดพลาสติกเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 1.2 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 65-75 เหรียญ/บาร์เรล และกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้น แต่หวั่นกำลังการผลิตใหม่จากตะวันออกกลางและจีนกดมาร์จินหดตัวลง
นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน)(PTTCH) เปิดเผยว่าในปีหน้าบริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 1.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยประมาณการณ์ไว้ 1.2 แสนล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น และราคาเม็ดพลาสติก HDPEในปี2553 คงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1,200 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากต้นปีที่ราคาเม็ดพลาสติกอยู่ที่800-900 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมันดิบทึ่คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 65-75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีหน้า สูงกว่าราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบในปีนี้ที่บาร์เรลละ 60 เหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้บริษัทฯจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทั้งโรงโอเลฟินส์แครกเกอร์ 1 ล้านตัน เริ่มผลิตในปลายปีนี้ การผลิตเม็ดพลาสติก LLDPE 4 แสนตัน/ปี เริ่มผลิตได้ในไตรมาส 1/2553 ,เม็ดพลาสติก LDPE 3 แสนตัน/ปี เริ่มผลิตไตรมาส 2/2553 ขณะที่ HDPE ผลิตเพิ่มอีก 3 แสนตัน/ปี เป็น 8 แสนตัน/ปี เริ่มเดินเครื่องเต็มที่ไตรมาส 1/2553
นายวีรศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงเดือนต.ค.จนถึงปัจจุบันส่วนต่างราคาเม็ดพลาสติก HDPEกับแนฟธา(สเปรด)ได้อ่อนตัวลงมาเล็กน้อยจากก.ย. มาอยู่ที่ประมาณ 530 เหรียญ/ตัน จากเดิมเคยสูงถึง 600 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ก็ยังถือว่าเป็นระดับมาร์จินที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของบริษัทฯในไตรมาส 4/2552 คงจะอ่อนตัวจากไตรมาส 3/2552เล็กน้อยเนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงแครกเกอร์ไอ 1ประมาณ 35 วัน
"รายได้ปีหน้าดูแล้วจะเกินแสนล้านบาท จากกำลังการผลิตที่เราเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว แต่สเปรดปีหน้าไม่ค่อยดี เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่จากตะวันออกกลางและจีนเข้ามา แต่เนื่องจากโรงโอเลฟินส์ของบริษัทใช้ก๊าซฯเป็นวัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำกว่าการใช้แนฟธาทำให้สามารถแข่งขันได้ โดยมองว่าสเปรดเม็ดพลาสติกปีหน้าใกล้เคียงไตรมาส 4นี้ที่ตันละ530 เหรียญสหรัฐ"นายวีรศักดิ์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในปี 53 ประเมิณค่อนข้างลำบาก เนื่องจากมีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกใหม่เข้ามาจากตะวันออกกลางและจีนรวม 5 ล้านตัน หลังจากที่ดีเลย์มาโดยตลอด ซึ่งจะเป็นตัวกดมาร์จินเม็ดพลาสติกไม่ให้สูงมากนัก อย่างไรก็ตาม คาดว่ามาร์จินพลาสติกยังอยู่เหนือ 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพราะหากต่ำกว่านี้บางโรงงานต้องหยุดโรงงาน
วานนี้ (11 พ.ย.) นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด(มหาชน) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจในความร่วมมือทางธุรกิจกับนายอนุชิต บุญทอง ประธานบริษัท SMC Corporation จำกัด เพื่อรวมกันพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมพลาสติกไทยให้มีศักยภาพ เพิ่มความเข้มแข็งในการผลิตสินค้าตอบสนองความต้องการของตลาดยุคใหม่
การลงนามครั้งนี้ ปตท.เคมิคอลจะพัฒนาคุณภาพเม็ดพลาสติกไปพร้อมกับการพัฒนาเครื่องจักรของSMC ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายเม็ดพลาสติกและตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วย นับเป็นการดำเนินการภายใต้กลยุทธ์การสร้างเครือข่ายธุรกิจและพันธมิตรทางการค้าตามยุทธศาสตร์ Value Chain ของอุตสาหกรรมพลาสติกจากผู้ผลิตวัตถุดิบ ผู้ผลิตเครื่องจักร ไปจนถึงผู้บริโภค
นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน)(PTTCH) เปิดเผยว่าในปีหน้าบริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 1.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยประมาณการณ์ไว้ 1.2 แสนล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น และราคาเม็ดพลาสติก HDPEในปี2553 คงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1,200 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากต้นปีที่ราคาเม็ดพลาสติกอยู่ที่800-900 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมันดิบทึ่คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 65-75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีหน้า สูงกว่าราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบในปีนี้ที่บาร์เรลละ 60 เหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้บริษัทฯจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทั้งโรงโอเลฟินส์แครกเกอร์ 1 ล้านตัน เริ่มผลิตในปลายปีนี้ การผลิตเม็ดพลาสติก LLDPE 4 แสนตัน/ปี เริ่มผลิตได้ในไตรมาส 1/2553 ,เม็ดพลาสติก LDPE 3 แสนตัน/ปี เริ่มผลิตไตรมาส 2/2553 ขณะที่ HDPE ผลิตเพิ่มอีก 3 แสนตัน/ปี เป็น 8 แสนตัน/ปี เริ่มเดินเครื่องเต็มที่ไตรมาส 1/2553
นายวีรศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงเดือนต.ค.จนถึงปัจจุบันส่วนต่างราคาเม็ดพลาสติก HDPEกับแนฟธา(สเปรด)ได้อ่อนตัวลงมาเล็กน้อยจากก.ย. มาอยู่ที่ประมาณ 530 เหรียญ/ตัน จากเดิมเคยสูงถึง 600 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ก็ยังถือว่าเป็นระดับมาร์จินที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของบริษัทฯในไตรมาส 4/2552 คงจะอ่อนตัวจากไตรมาส 3/2552เล็กน้อยเนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงแครกเกอร์ไอ 1ประมาณ 35 วัน
"รายได้ปีหน้าดูแล้วจะเกินแสนล้านบาท จากกำลังการผลิตที่เราเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว แต่สเปรดปีหน้าไม่ค่อยดี เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่จากตะวันออกกลางและจีนเข้ามา แต่เนื่องจากโรงโอเลฟินส์ของบริษัทใช้ก๊าซฯเป็นวัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำกว่าการใช้แนฟธาทำให้สามารถแข่งขันได้ โดยมองว่าสเปรดเม็ดพลาสติกปีหน้าใกล้เคียงไตรมาส 4นี้ที่ตันละ530 เหรียญสหรัฐ"นายวีรศักดิ์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในปี 53 ประเมิณค่อนข้างลำบาก เนื่องจากมีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกใหม่เข้ามาจากตะวันออกกลางและจีนรวม 5 ล้านตัน หลังจากที่ดีเลย์มาโดยตลอด ซึ่งจะเป็นตัวกดมาร์จินเม็ดพลาสติกไม่ให้สูงมากนัก อย่างไรก็ตาม คาดว่ามาร์จินพลาสติกยังอยู่เหนือ 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพราะหากต่ำกว่านี้บางโรงงานต้องหยุดโรงงาน
วานนี้ (11 พ.ย.) นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด(มหาชน) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจในความร่วมมือทางธุรกิจกับนายอนุชิต บุญทอง ประธานบริษัท SMC Corporation จำกัด เพื่อรวมกันพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมพลาสติกไทยให้มีศักยภาพ เพิ่มความเข้มแข็งในการผลิตสินค้าตอบสนองความต้องการของตลาดยุคใหม่
การลงนามครั้งนี้ ปตท.เคมิคอลจะพัฒนาคุณภาพเม็ดพลาสติกไปพร้อมกับการพัฒนาเครื่องจักรของSMC ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายเม็ดพลาสติกและตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วย นับเป็นการดำเนินการภายใต้กลยุทธ์การสร้างเครือข่ายธุรกิจและพันธมิตรทางการค้าตามยุทธศาสตร์ Value Chain ของอุตสาหกรรมพลาสติกจากผู้ผลิตวัตถุดิบ ผู้ผลิตเครื่องจักร ไปจนถึงผู้บริโภค