เจริญโภคภัณฑ์อาหาร อวดกำไรปีนี้แตะ 1 หมื่นล้านบาท หลัง 9 เดือนแรกทะลุ 8 พันล้านบาท แม้รายได้พลาดเป้าโตเพียง 3-5% มั่นใจตัวเลขปันผลสวย " อดิเรก " เผยเน้นสร้างกำไรโตต่อเนื่องเพื่อจ่ายปันผลคืนผู้ถือหุ้น อีก 5 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้จาก 3 ธุรกิจหลักเท่ากันเพื่อลดความเสี่ยง ส่วนปี 53 อัดงบลงทุน 4 พันล้านเน้นต่างประเทศ
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ “ซีพีเอฟ” รายงานผลกำไรสุทธิของบริษัท และบริษัทย่อย ไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 จำนวน 4,116 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2551 เป็นจำนวน 2,728 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 197 ทำให้ผลกำไรสุทธิรอบ 9 เดือนของปี 2552 มีจำนวน 8,080 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นจำนวน 1.20 บาท มั่นใจปีนี้ทั้งปีผลการดำเนินงานทะลุเป้า และปี 2553 ยังมีแนวโน้มสดใส ผลจากกลยุทธ์ปรับโครงสร้างธุรกิจ พัฒนาประสิทธิภาพและขยายการลงทุนในต่างประเทศ
ปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรสุทธิไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 เติบโตร้อยละ 197 จากปีที่ผ่านมานั้น เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของกิจการในต่างประเทศทั้งธุรกิจสัตว์บกและธุรกิจสัตว์น้ำ โดยเฉพาะในประเทศตุรกี รวมถึงประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและดำเนินงานกิจการของธุรกิจในประเทศไทยที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรับรู้กำไรจากบริษัทร่วมที่บริษัทลงทุนสูงขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีนี้ของซีพีเอฟว่า “บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจมาระยะหนึ่งแล้ว ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างเสถียรภาพในการทำกำไรของบริษัทให้มีความมั่นคงและสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอ โดยซีพีเอฟให้ความสำคัญในการขยายธุรกิจที่มีความมั่นคงในการสร้างกำไร ซึ่งได้แก่อาหารสัตว์และอาหารมนุษย์ รวมถึงสินค้าอาหารพร้อมรับประทานภายใต้ตราสินค้าของบริษัท บริษัทมั่นใจด้วยโครงสร้างธุรกิจใหม่ทำให้ผลกำไรไม่มีความผันผวนดั่งเช่นในอดีต”
ซีพีเอฟได้มีการขยายธุรกิจไปลงทุนในต่างประเทศมาถึงวันนี้จำนวน 9 ประเทศแล้ว ทั้งการลงทุนในประเทศตุรกี อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ รัสเซีย ลาว และไต้หวัน เป็นต้น โดยในปี 2552 กิจการในต่างประเทศเหล่านี้ได้มีผลการดำเนินงานโดยรวมเติบโตจากปีที่ผ่านมาอย่างมาก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ผลการดำเนินงานในภาพรวมของซีพีเอฟปี 52 นี้ขยายตัวโดดเด่นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งซีพีเอฟยังให้ความสำคัญในการขยายงานในหลายประเทศ เพราะยังเล็งเห็นศักยภาพในการขยายตัวของตลาดในประเทศเหล่านั้น
ด้านการขยายธุรกิจในประเทศไทย ซีพีเอฟจะเน้นในเรื่องการผลิตสินค้าอาหารโดยเฉพาะสัตว์น้ำเพื่อการส่งออกและจำหน่ายในประเทศ เนื่องจากมองว่าจากการที่ต้นทุนการผลิตโดยรวมที่เกิดจากประสิทธิภาพในการเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีขึ้นของอุตสาหกรรม ทำให้ราคาสินค้าประเภทกุ้งอยู่ในระดับที่สามารถกระตุ้นให้เกิดความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นได้ ประกอบกับผู้บริโภคทั่วโลกให้ความใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น จึงยังมองว่าโอกาสในการขยายตัวในส่วนงานนี้โดยเฉพาะการส่งออกยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2553 นั้น บริษัทยังให้ความสำคัญจากการสร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยเฉพาะจากกิจการในต่างประเทศและการส่งออก โดยนโยบายในการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตและการดำเนินงานยังคงมีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินโครงการด้านการประหยัดพลังงาน ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้ นอกจากนั้นการให้ความสำคัญกับงานวิจัยและพัฒนาเพื่อสรรสร้างนวัตกรรมใหม่ๆในธุรกิจอาหาร และการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งโครงการคืนกำไรให้กับสังคม ยังคงเป็นเรื่องหลักๆ ที่ซีพีเอฟให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายการเป็นองค์กรที่ดีของสังคม มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างยั่งยืน สามารถคืนกำไรให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง และเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ “การเป็นครัวของโลก” ได้อย่างที่ตั้งใจไว้
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ “ซีพีเอฟ” รายงานผลกำไรสุทธิของบริษัท และบริษัทย่อย ไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 จำนวน 4,116 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2551 เป็นจำนวน 2,728 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 197 ทำให้ผลกำไรสุทธิรอบ 9 เดือนของปี 2552 มีจำนวน 8,080 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นจำนวน 1.20 บาท มั่นใจปีนี้ทั้งปีผลการดำเนินงานทะลุเป้า และปี 2553 ยังมีแนวโน้มสดใส ผลจากกลยุทธ์ปรับโครงสร้างธุรกิจ พัฒนาประสิทธิภาพและขยายการลงทุนในต่างประเทศ
ปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรสุทธิไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 เติบโตร้อยละ 197 จากปีที่ผ่านมานั้น เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของกิจการในต่างประเทศทั้งธุรกิจสัตว์บกและธุรกิจสัตว์น้ำ โดยเฉพาะในประเทศตุรกี รวมถึงประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและดำเนินงานกิจการของธุรกิจในประเทศไทยที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรับรู้กำไรจากบริษัทร่วมที่บริษัทลงทุนสูงขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีนี้ของซีพีเอฟว่า “บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจมาระยะหนึ่งแล้ว ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างเสถียรภาพในการทำกำไรของบริษัทให้มีความมั่นคงและสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอ โดยซีพีเอฟให้ความสำคัญในการขยายธุรกิจที่มีความมั่นคงในการสร้างกำไร ซึ่งได้แก่อาหารสัตว์และอาหารมนุษย์ รวมถึงสินค้าอาหารพร้อมรับประทานภายใต้ตราสินค้าของบริษัท บริษัทมั่นใจด้วยโครงสร้างธุรกิจใหม่ทำให้ผลกำไรไม่มีความผันผวนดั่งเช่นในอดีต”
ซีพีเอฟได้มีการขยายธุรกิจไปลงทุนในต่างประเทศมาถึงวันนี้จำนวน 9 ประเทศแล้ว ทั้งการลงทุนในประเทศตุรกี อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ รัสเซีย ลาว และไต้หวัน เป็นต้น โดยในปี 2552 กิจการในต่างประเทศเหล่านี้ได้มีผลการดำเนินงานโดยรวมเติบโตจากปีที่ผ่านมาอย่างมาก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ผลการดำเนินงานในภาพรวมของซีพีเอฟปี 52 นี้ขยายตัวโดดเด่นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งซีพีเอฟยังให้ความสำคัญในการขยายงานในหลายประเทศ เพราะยังเล็งเห็นศักยภาพในการขยายตัวของตลาดในประเทศเหล่านั้น
ด้านการขยายธุรกิจในประเทศไทย ซีพีเอฟจะเน้นในเรื่องการผลิตสินค้าอาหารโดยเฉพาะสัตว์น้ำเพื่อการส่งออกและจำหน่ายในประเทศ เนื่องจากมองว่าจากการที่ต้นทุนการผลิตโดยรวมที่เกิดจากประสิทธิภาพในการเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีขึ้นของอุตสาหกรรม ทำให้ราคาสินค้าประเภทกุ้งอยู่ในระดับที่สามารถกระตุ้นให้เกิดความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นได้ ประกอบกับผู้บริโภคทั่วโลกให้ความใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น จึงยังมองว่าโอกาสในการขยายตัวในส่วนงานนี้โดยเฉพาะการส่งออกยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2553 นั้น บริษัทยังให้ความสำคัญจากการสร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยเฉพาะจากกิจการในต่างประเทศและการส่งออก โดยนโยบายในการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตและการดำเนินงานยังคงมีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินโครงการด้านการประหยัดพลังงาน ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้ นอกจากนั้นการให้ความสำคัญกับงานวิจัยและพัฒนาเพื่อสรรสร้างนวัตกรรมใหม่ๆในธุรกิจอาหาร และการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งโครงการคืนกำไรให้กับสังคม ยังคงเป็นเรื่องหลักๆ ที่ซีพีเอฟให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายการเป็นองค์กรที่ดีของสังคม มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างยั่งยืน สามารถคืนกำไรให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง และเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ “การเป็นครัวของโลก” ได้อย่างที่ตั้งใจไว้