“อภิสิทธิ์” สั่งสำนักงาน ก.ล.ต. เกาะติดข่าวลือป่วนตลาดหุ้นไทยอย่างใกล้ชิด หลังพบการตรวจสอบยังไม่คืบ แม้ยอมรับในอดีตสาวลึกถึงต้นตอได้ยาก พร้อมเตือนนักลงทุนวิเคราะห์ให้รอบคอบ และยึดเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นบทเรียน
วานนี้ (18 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง ความคืบหน้าสอบสวนของเบาะแสการปล่อยข่าวที่ได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จนทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง และมีสำนักงานตำรวจเข้าไปช่วยดูแลอีกทางหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม
สำหรับมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดข่าวลือลักษณะการทุบหุ้นทำลายเสถียรภาพการเงินในประเทศ นั้น นักลงทุนจะต้องพิจารณาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ รวมถึงปัจจัยพื้นฐานที่มีผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะที่สำนักงานก.ล.ต. ต้องติดตามสถานการณ์อย่างค่อนข้างใกล้ชิด และพยายามชี้แจงทำความเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้องโดยเร็วที่สุด
“ความเคลื่อนไหวในการซื้อขายหุ้นนั้น ก.ล.ต.ต้องใช้ดุลพินิจว่าแค่ไหน อย่างไรที่จะถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ เพราะต้องยอมรับว่าบางครั้งตลาดหุ้นอาจจะขึ้นลงหวือหวา ฉะนั้น ก.ล.ต. จะไปรีบสรุปว่ามันผิดปกติก็คงจะไม่ได้ แต่จะต้องดูเหตุ ดูผล หาข้อมูลมารองรับในการที่เขาจะตัดสินใจทำอะไรด้วย”
ส่วนของการสืบเสาะเหตุผลในการปล่อยข่าวว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ เพราะมันเป็นเพียงการวิเคราะห์ที่แตกต่างกันไป แต่ ก.ล.ต.ต้องเข้าไปดูว่ามีใครได้ประโยชน์อย่างเป็นระบบหรือไม่ในการเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์
“เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้ติดตามสาวลึกถึงต้นตอ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของนักวิเคราะห์บวกกับบทความหรือสื่อที่ปรากฏอยู่อาจจะเป็นทางอินเทอร์เน็ตหรืออะไรแล้วมาเชื่อมโยงกันแล้วพูดกันต่อๆ กันไป ก็เป็นไปได้ โดยอาจไม่มีเจตนาอันนั้นก็เป็นไปได้หรือจะเป็นกระบวนการอันนั้นก็เป็นไปได้ ต้องเป็นเรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องไปดู”
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันนี้ (19 ต.ค.) นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ต.ค. 52 ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้ว แต่จะต้องถือเรื่องดังกล่าวเป็นบทเรียน หากมีปัญหาเรื่องการปล่อยข่าวออกมาจะต้องมีการชี้แจงอย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกัน หลังจากนี้สำนักงานก.ล.ต. จะต้องทำหน้าที่เข้าตรวจสอบว่ามีใครที่อาจจะได้ประโยชน์และเชื่อมโยงกับขบวนการตรงนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานก.ล.ต.และตำรวจจะต้องเร่งหาตัวผู้กระทำผิดโอยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำอีก แต่จะต้องยอมรับว่า ในอดีตการเอาผิดตามกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำได้ไม่ง่าย เพราะอย่างที่บอกบางทีอาจเป็นการเคลื่อนไหวจากกลุ่มหนึ่ง จากเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง มันต้องพิสูจน์เจตนาด้วย
ส่วนประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าข่าวลือที่เกิดขึ้นมีการเคลื่อนไหวจากต่างประเทศ นั้น เป็นเรื่องที่หน่วยงานจะต้องสืบหาข้อมูลและขยายผล แต่ปัจจุบันยังไม่จำเป็นต้องมีการแก้ไขกฎระเบียบเพิ่มเติม เพราะ กฎระเบียบมีความชัดเจนอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน หากการกระทำผิดในครั้งนี้สาวถึงบุคคลที่อยู่ในต่างประเทศ เราก็จะต้องขอความร่วมมือจากต่างประเทศด้วย
วานนี้ (18 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง ความคืบหน้าสอบสวนของเบาะแสการปล่อยข่าวที่ได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จนทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง และมีสำนักงานตำรวจเข้าไปช่วยดูแลอีกทางหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม
สำหรับมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดข่าวลือลักษณะการทุบหุ้นทำลายเสถียรภาพการเงินในประเทศ นั้น นักลงทุนจะต้องพิจารณาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ รวมถึงปัจจัยพื้นฐานที่มีผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะที่สำนักงานก.ล.ต. ต้องติดตามสถานการณ์อย่างค่อนข้างใกล้ชิด และพยายามชี้แจงทำความเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้องโดยเร็วที่สุด
“ความเคลื่อนไหวในการซื้อขายหุ้นนั้น ก.ล.ต.ต้องใช้ดุลพินิจว่าแค่ไหน อย่างไรที่จะถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ เพราะต้องยอมรับว่าบางครั้งตลาดหุ้นอาจจะขึ้นลงหวือหวา ฉะนั้น ก.ล.ต. จะไปรีบสรุปว่ามันผิดปกติก็คงจะไม่ได้ แต่จะต้องดูเหตุ ดูผล หาข้อมูลมารองรับในการที่เขาจะตัดสินใจทำอะไรด้วย”
ส่วนของการสืบเสาะเหตุผลในการปล่อยข่าวว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ เพราะมันเป็นเพียงการวิเคราะห์ที่แตกต่างกันไป แต่ ก.ล.ต.ต้องเข้าไปดูว่ามีใครได้ประโยชน์อย่างเป็นระบบหรือไม่ในการเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์
“เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้ติดตามสาวลึกถึงต้นตอ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของนักวิเคราะห์บวกกับบทความหรือสื่อที่ปรากฏอยู่อาจจะเป็นทางอินเทอร์เน็ตหรืออะไรแล้วมาเชื่อมโยงกันแล้วพูดกันต่อๆ กันไป ก็เป็นไปได้ โดยอาจไม่มีเจตนาอันนั้นก็เป็นไปได้หรือจะเป็นกระบวนการอันนั้นก็เป็นไปได้ ต้องเป็นเรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องไปดู”
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันนี้ (19 ต.ค.) นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ต.ค. 52 ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้ว แต่จะต้องถือเรื่องดังกล่าวเป็นบทเรียน หากมีปัญหาเรื่องการปล่อยข่าวออกมาจะต้องมีการชี้แจงอย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกัน หลังจากนี้สำนักงานก.ล.ต. จะต้องทำหน้าที่เข้าตรวจสอบว่ามีใครที่อาจจะได้ประโยชน์และเชื่อมโยงกับขบวนการตรงนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานก.ล.ต.และตำรวจจะต้องเร่งหาตัวผู้กระทำผิดโอยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำอีก แต่จะต้องยอมรับว่า ในอดีตการเอาผิดตามกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำได้ไม่ง่าย เพราะอย่างที่บอกบางทีอาจเป็นการเคลื่อนไหวจากกลุ่มหนึ่ง จากเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง มันต้องพิสูจน์เจตนาด้วย
ส่วนประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าข่าวลือที่เกิดขึ้นมีการเคลื่อนไหวจากต่างประเทศ นั้น เป็นเรื่องที่หน่วยงานจะต้องสืบหาข้อมูลและขยายผล แต่ปัจจุบันยังไม่จำเป็นต้องมีการแก้ไขกฎระเบียบเพิ่มเติม เพราะ กฎระเบียบมีความชัดเจนอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน หากการกระทำผิดในครั้งนี้สาวถึงบุคคลที่อยู่ในต่างประเทศ เราก็จะต้องขอความร่วมมือจากต่างประเทศด้วย