สั่งอัยการยื่นอุทธรณ์ “มาบตาพุด” เร่งด่วน “บิ๊กไฝ” ฟิวส์ขาดลั่น ปตท.ทำธุรกิจไม่ใช่มูลนิธิ

เกาะติดเผือกร้อน 76 โครงการ “มาบตาพุด” ก.อุตฯ แต่งตั้งอัยการเป็นผู้แทน 8 หน่วยงานรัฐ มั่นใจยื่นอุธรณ์ได้วันนี้ กำชับ 2 ประเด็นแก้ลำปัญหาความเดือดร้อนของชุมชน “ผู้บริหาร ปตท.” โวยแหลก แจงธุรกิจใหญ่แสนล้านทุกอย่างต้องสมดุล หากมองสิ่งแวดล้อม-สังคมมากเกินไป ก็ไปตั้งมูลนิธิดีกว่า

นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีศาลปกครองมีคำสั่งชะลอโครงการลงทุนในมาบตาพุด 76 โครงการ โดยระบุว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบอำนาจให้สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางดังกล่าวแล้ว เมื่อศาลปกครองกลางมีคำสั่งระงับทั้ง 76 โครงการ กระทรวงอุตสาหกรรมก็จะทำการอุทธรณ์คำสั่งศาลทุกโครงการ ซึ่งจะไม่ยื่นอุทธรณ์เฉพาะโครงการที่ผ่านการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) หรือได้รับอนุมัติใบอนุญาตแล้ว และสำนักงานอัยการสูงสุดจะเป็นผู้แทนภาครัฐ 8 หน่วยงาน โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และกรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นผู้รวบรวมข้อมูลให้กับสำนักงานอัยหารสูงสุด

นายสรยุทธ์ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สำนักงานอัยการสูงสุดอยู่ระหว่างจัดทำคำอุทธรณ์และไม่สามารถยื่นต่อศาลได้ทันวันที่ 1 ตุลาคม 2552 (วานนี้) เพราะสำนักงานอัยการสูงสุดต้องการทำคำอุทธรณ์ให้รอบคอบที่สุด และคาดว่าจะยื่นอุทธรณ์ได้ในวันที่ 2 ตุลาคม 2552 (วันนี้) หรืออย่างช้าไม่เกินวันที่ 7 ตุลาคม 2552 ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการให้อุทธรณ์โดยเร็วที่สุด ตามคำสั่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพราะถ้าอุทธรณ์ล่าช้าออกไป อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนมากขึ้น และยังเห็นว่า หน่วยงานรัฐมีสิทธิที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์กับศาลได้ เพราะถ้าไม่ดำเนินการอะไรเลย อาจถูกภาคเอกชนฟ้องเรียกค่าเสียหายได้

ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดเขียนคำอุทธรณ์โดยมุ่งใน 2 ประเด็น ได้แก่ 1.แผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษในพื้นที่จังหวัดระยองปี 2550-2554 ซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบการที่จะลงทุนใหม่ต้องลดอัตราการระบายมลพิษ โดยค่าที่ลดลงได้ต้องคืนให้สิ่งแวดล้อม 20% และการลงทุนใหม่ต้องปล่อยมลพิษได้เพียง 80% ของมลพิษที่ลดลงมาได้ 2.ให้นำข้อมูลทางสาธารณสุขของรัฐมาชี้แจงผลกระทบที่เกิดกับชุมชน เพื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลของชุมชนมาบตาพุด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้มีการชี้แจงศาลปกครองกลางมาแล้ว แต่ที่ผ่านมา อยู่ในลักษณะต่างคนต่างชี้แจง ศาลจึงไม่ได้เน้นประเด็นดังกล่าว

**บิ๊ก ปตท.โวยธุรกิจพัง ถ้าเอาแต่สังคมก็ไปตั้งมูลนิธิดีกว่า

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ปรธธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด เปิดเผยว่า ปตท.รู้สึกกังวลกับคำสั่งดังกล่าว เพราะมีโครงการในมาบตาพุด และใน จ.ระยอง 25 รายการ เงินลงทุน 1.2-1.3 แสนล้านบาท ขณะนี้กำลังรอว่าหน่วยงานรัฐจะมีคำสั่งอะไรมาที่ ปตท.บ้าง เพราะหาก ปตท.ไม่สามารถลงทุนในมาบตาพุดได้ ก็จะทำให้เม็ดเงินลงทุนในโครงการไทยเข้มแข็งที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ 1.4 ล้านล้านบาท หายไปทันที 3 แสนล้านบาท

นายประเสริฐ มองว่า ในการดำเนินธุรกิจนั้น คงต้องให้น้ำหนักในเรื่องของสิ่งแวดล้อม สังคม และการดำเนินการของบริษัท หากให้เอนเอียงไปด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมมาก คงจะไปตั้งมูลนิธิดีกว่า อยากขอร้องให้ผู้ที่ต่อต้านรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจบ้าง ซึ่งผู้ประกอบการยืนยันว่าที่ผ่านมาทำตามข้อกำหนดของภาครัฐมาโดยตลอด