xs
xsm
sm
md
lg

เพชรยูบิลลี่จะขายหุ้นไอพีโอ 35 ล.เข้าจดทะเบียนใน mai ไตรมาส 4 นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เพชรยูบิลลี่ พร้อมขายไอพีโอ 35 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai ไตรมาส 4 ปี 52 ผู้บริหารมั่นใจนักลงทุนตอบรับดี ชี้ เป็นบริษัทค้าปลีกเพชรรายแรกในตลาดหลักทรัพย์นี้ ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนใช้ขยายงานเป็นทุนหมุนเวียนและชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น

นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ผู้จำหน่ายและทำตลาดเพชรกะรัตและเครื่องประดับเพชร ภายใต้แบรนด์ “เพชรยูบิลลี่” เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 35 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ในไตรมาส 4 ปีนี้ และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มั่นใะได้รับการตอบรับดีจากนักลงทุน เพราะเป็นบริษัทค้าปลีกเพชรและเครื่องประดับเพชรรายแรกของตลาดหลักทรัพย์ mai

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะใช้ขยายสาขาเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์แบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซื้อวัตถุดิบเพื่อผลิตและเพิ่มสินค้ารองรับการขายของทุกสาขาทั่วประเทศและเป็นเงินทุนหมุนเวียนพร้อมชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น

โดยเชื่อว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมอัญมณีในประเทศปี 2552 มีแนวโน้มที่ดีถึงแม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะชะลอตัว โดยประมาณการส่วนแบ่งทางการตลาดครึ่งปีแรกอยู่ที่ 10% ของมูลค่าตลาดในกลุ่มที่จัดจำหน่ายผ่านช่องทางเคาน์เตอร์ หรือ 2% ของมูลค่าตลาดค้าปลีกเครื่องประดับเพชรทั้งหมดในไทย ทำให้ยังมีโอกาสเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้อีก ซึ่งบริษัทขยายช่องทางผ่านเครือข่ายพันธมิตรในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทุกจังหวัดในประเทศ รวมถึงกลุ่มเทสโก้ โลตัส ทำให้มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นและยังป้องกันความเสี่ยงจากการพึ่งพิงลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ปัจจุบันบริษัทมีฐานสมาชิกกว่า 80,000 ราย

ขณะเดียวกัน สินค้าของบริษัทยังมีใบรับประกันคุณภาพเพชร (Diamond Certificate) จากสถาบันในต่างประเทศ อาทิ GIA และ HRD ที่ได้รับความเชื่อถือในคุณภาพมาตรฐานระดับนานาชาติ โดยปีนี้บริษัทเน้นพัฒนาความรู้ความสามารถของพนักงานขาย ตลอดจนบริการหลังการขายที่ดี เพื่อสร้างความมั่นใจ และความไว้วางใจของลูกค้าที่มีต่อสินค้าและการให้บริการของบริษัท

นอกจากนี้ ยังจะเพิ่มสาขาจากเดิมที่มีอยู่ 68 สาขา เป็น 70 สาขาภายในสิ้นปี 2552 พร้อมเพิ่มสายของผลิตภัณฑ์โดยเน้นลักษณะที่มีความแตกต่างและมีคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดและตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง รวมถึงขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น