สุวรรณภูมิในรอบ 3 ปี ความบอกช้ำยากจะเยียวยา ปัญหาแก้ไม่มีวันหมด จากระบอบทักษิณที่เข้ามาแทรกแซงการบริหารภายในใช้อำนาจหาผลประโยชน์ ทั้งการก่อสร้างและสัมปทานต่างๆ ทิ้งเป็นมรดกที่ไร้คุณภาพประจานไปทั่วโลก จนพลาดเป้าติด 1 ใน 10 ท่าอากาศยานดีเด่นของโลก กลุ่มทุนคิงเพาเวอร์ ชูคอไร้ความผิด หลังขั้วการเมืองเปลี่ยนมือสู่กลุ่มอำนาจใหม่
วันที่ 28 กันยายน 2552 เป็นวันครบรอบ 3 ปี ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดดำเนินการ ด้วยเงินลงทุนกว่า 1.2 แสนล้านบาท คงปฏิเสธไม่ได้ถึงความใหญ่โต ทันสมัย และก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเต็มไปด้วยปัญหา ในทุกรูปแบบที่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะสามารถแก้ไขให้หมดสิ้นไปได้หรือไม่เพื่อให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นความภูมิใจของคนไทยอย่างแท้จริง
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีชื่อแรกเริ่มคือ ”หนองงูเห่า” และเป็นสนามบินที่ใช้เวลาในการก่อสร้างยาวนานที่สุดแห่งหนึ่ง มีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นมากที่สุด ทั้งทุจริตถมทราย ทุจริตจัดซื้อเครื่องเอ็กซเรย์ CTX 9000 และระบบสานพานลำเลียงมูลค่า 4,300 ล้านบาท เป็นต้น ที่จนถึงวันนี้คนที่เคยถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตต่างๆ ยังได้ถูกลงโทษแต่อย่างใด
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิส่วนใหญ่ เป็นผลผลิตของระบอบทักษิณ นับตั้งแต่การก่อสร้างที่มีนับ 100 สัญญา จนถึงสัญญาสัมปทานงานบริการต่างๆ ที่ใช้ระบบผลประโยชน์ตอบแทนกันเป็นตัวชี้ว่าใครจะชนะประมูลแทนการวัดที่คุณภาพของการทำงานจริงๆ มีกลุ่มคนที่มีอำนาจในขณะนั้นเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์กันอย่างไม่เกรงกลัวความผิด และในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาก็คงต้องยอมรับว่า ผลงานอัปยศของคนในระบอบทักษิณ ได้ฝากความบอกช้ำไว้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมากมาย
ทันทีที่ท่าอากาศยานดอนเมืองซึ่งดำเนินการ 92 ปี ถูกปิดลง ประเทศไทยเปลี่ยนศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศของประเทศไปที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สารพัดปัญหาก็โถมเข้าใส่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทันที เพราะจริงๆ แล้วท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่ได้มีความพร้อมที่จะเปิดนั่นเอง โดยเฉพาะปัญหาในการให้บริการที่เกิดจากการออกแบบที่ไม่เหมาะสมในหลายจุดรวมไปถึงการจัดพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารที่เต็มไปด้วยร้านค้าของกลุ่มคิงเพาเวอร์ จนทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกในการใช้บริการ
ไม่เฉพาะร้านค้าที่ตั้งขวางทางเดิน ทางหนีไฟ จนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่ต่างกับห้างสรรพสินค้าแล้ว รถเข็นกระเป๋าที่ได้มาด้วยการล็อกเสปกประมูล และสัญญาจ้างยามเอื้อเอกชน ก็ล้วนแต่สร้างปัญหาให้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมาโดยตลอด
แม้ต่อมาคณะกรรมการ ทอท.ในสมัยรัฐบาลยุค คมช.มีการรื้อสัมปทานฉาวของกลุ่มคิงเพาเวอร์ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ขู่....แต่ไม่ได้ฟัน หลังการเลือกตั้งรัฐบาลพลังประชาชนก็เข้ามาพลิกสถานการณ์ให้กลุ่มคิงเพาเวอร์ครอบครองพื้นที่สัมปทานร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) และสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไป แต่เพียงผู้เดียวเหมือนเดิม
“การยอมรับให้คิงเพาเวอร์จ่ายค่าเช่าพื้นที่ส่วนเกินในขณะนี้ ก็น่าจะเป็นคำตอบว่า จริงๆ แล้ว สัญญาคิงเพาเวอร์ถูกต้องหรือไม่ มีการรู้เห็นเป็นใจในการให้คิงเพาเวอร์ใช้พื้นที่เกินมาตั้งแต่แรกหรือไม่ และมีการไกล่เกลี่ยคดีความ ให้สัญญากลับคืนเหมือนเดิมกันจริงหรือไม่”
เวลา 3 ปี เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่า”อะไรที่ไม่มีคุณภาพ อย่างไรเสียก็ไม่มีคุณภาพ” กรณีรถเข็นกระเป๋าที่สัญญาถูกครหาว่าได้มาด้วยความไม่โปร่งใส เมื่อถูกใช้งานจริงๆ กลับไม่มีประสิทธิภาพเหมือนสนามบินนานาชาติอื่นๆ แถมยังถูกขโมยสูญหายไปกว่าครึ่ง จนนำไปสู่การยกเลิกสัญญากับบริษัท ไทยแอร์พอร์ตกราวด์เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ แทกส์ สัญญาว่าจ้าง บริษัทเอเชีย ซิเคียวริตี้ เมเนจเม้นท์ จำกัด (ASM) ซึ่งอยู่ในกลุ่มล็อกซเล่ย์-ไอ ซี ที เอส คอนซอร์เตียม เป็นผู้ให้บริการงานรักษาความปลอดภัย ณ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการทำสัญญาผูกขาดยาว 10 ปีไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่สามารถปรับลดอายุสัญญาลงได้เพราะมีปัญหาข้อกฎหมาย
นอกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถูกจดจำว่าเป็นที่มีการทุจริตคอร์รัปชั่นมากมายแล้ว ยังเป็นศูนย์รวมของแก๊งมิฉาชีพ ไกด์ผี แท็กซี่เถื่อน ที่ใช้เป็นแหล่งหลอกลวง ตบทรัพย์ผู้โดยสาร ต่างประเทศหรือแม้แต่คนไทยด้วยกันเองก็ไม่เว้น แล้วบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.ในฐานะผู้บริหารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทำอะไรบ้างกับปัญหาเหล่านั้น
***จับตามาตรฐานปราบไกด์ผีแท็กซี่เถื่อนได้ผลแค่ไหน?
คณะกรรมการทอท.ที่มีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต เป็นประธาน เข้ามารับหน้าที่ในช่วงที่ปัญหาการเมืองภายในประเทศร้อนแรงที่สุด มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 และวิกฤติทางด้านเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารลดน้อยลงไปจำนวนมาก ส่วนปัญหาของสุวรรณภูมิเองก็ยังไม่ได้รับการเยียวยา ทั้งไกด์ผี แท็กซี่เถื่อน ทรัพย์สินผู้โดยสารถูกขโมย มีการเรียกรับสินบนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติแลกกับการช่วยเหลือด้านคดีความ ถูกสำนักข่าวต่างประเทศเผยแพร่เป็นข่าวไปทั่วโลก
ปัญหาที่รุมเร้าน่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บอร์ดและผู้บริหารทอท.หันมาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง แตกต่างจากที่ผ่านมา โดยเฉพาะบอร์ดที่ลงมาสั่งการปราบไกด์ผี แท็กซี่เถื่อนด้วยตัวเอง ออกมาตรการปราบปราม คุมเข้มพื้นที่ รวมเป็นพนักงานทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง โยกย้ายเจ้าหน้าที่ของทอท.ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ภายใน 2 เดือนเห็นผลทันตา ว่า เหล่าบรรดาเหลือบที่แฝงตัวเข้ามาในคราบไกด์ แท็กซี่ ผิดกฎหมาย หายไปจากพื้นที่...แต่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า “หมดไปจริงหรือ” เพราะหากเมื่อใดที่เจ้าหน้าที่ ย่อหย่อน ชะล่าใจ แก๊งค์มิจฉาชีพเหล่านี้ก็พร้อมจะกลับเข้ามาอีกหาผลประโยชน์มหาศาลที่สุวรรณภูมิอีกแน่นอน
ล่าสุดสามารถจับกุมแท็กซี่เถื่อนได้แล้วถึง 1,196 ราย ส่วนไกด์ผีถูกจับแล้ว535 ราย ซึ่งนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีความพยายามหลายครั้งที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้แต่ไม่สำเร็จ เพราะคนปฎิบัติไม่แน่ใจในนโยบายว่าจริงจังแค่ไหน ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า มีคนในพื้นที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น ซึ่งก่อนที่จะประกาศมาตรการปราบปรามได้เข้าไปดูมีรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและให้ย้ายออกจากพื้นที่ไป ทำให้มั่นใจว่า อุปสรรคสำคัญได้รับการแก้ไขแล้ว เหลือเพียงการแก้ปัญหาระยะยาวคือต้องรักษาพื้นที่ป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ ซึ่งได้มีการตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาดูแลพื้นที่
*** ทุ่ม 100 ล้านจ้างที่ปรึกษาเปลี่ยนเป้าติด1 ใน 10 ท่าอากาศยานดีเด่นปี 54
ปี 2552 ทอท.ส่งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเข้าประกวดโดยตั้งเป้าหมายว่า จะต้องเป็นท่าอากาศยานดีเด่นติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก แต่ตลอดทั้งปี สุวรรณภูมิมีแต่ปัญหา มีข่าวที่ทำลายภาพลักษณ์ จนหมดหวังที่จะติด 1 ใน 10 ของท่าอากาศยานดีเด่นของโลกตามที่ตั้งความหวังไว้แล้ว ทำได้เพียง เป็นท่าอากาศยานดีเด่นอันดับ 3 ของโลกจากการโหวตของผู้อ่านนิตยสารออนไลน์ Smarttravelasia.com และลำดับที่16 จากการประกาศผล World Airport Award ประจำปี 2552 ของ SKYTRAX ด้วย ขยับขึ้นจากอันดับที่ 37 เมื่อปีก่อน
นายปิยะพันธ์ กล่าวว่า ในปี 2553 ทอท.จะต้องปรับทิศทางการดำเนินงานใหม่ คือ ปรับแผนงานด้านธุรกิจเน้นการตลาดให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับการบิน (Non Aero) ให้มากขึ้นจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้จากกิจกรรมที่เกี่ยวกับการบิน (Aero) และ Non Aero ที่ 60 ต่อ 40 ให้เป็น 50ต่อ 50 ให้ได้เพื่อลดผลกระทบกรณีเกิดวิกติของโลกที่ส่งผลให้การเดินทางของผู้โดยสารน้อยลง
ในขณะเดียวกันก็ต้องเร่งปรับปรุงและยกระดับคุณภาพการบริการ เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกให้เพียงพอและที่สำคัญต้องสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการเพื่อให้เกิดความพึ่งพอใจอย่างสูงสุด ซึ่งจะต้องจ้างที่ปรึกษาด้านการพัฒนาบริการและภาพลักษณ์ มาเป็นผู้ช่วยวางแนวทางให้ วงเงิน 100 ล้านบาท
“การจัดอันดับนั้นมีหลายสถาบันแต่ที่ทอท.ต้องการคือ เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่เป็นเลิศด้านการบริการโดยผ่านการโหวตของผู้ใช้บริการจริงๆ จากสภาท่าอากาศยานนานาชาติ (Airports Council International) หรือ ACI
ปีนี้มีปัญหามาก ปี 2553 ก็จะเป็นปีของการปรับปรุง การเตรียมความพร้อมในทุกๆองค์ประกอบ และตั้งเป้าหมาย ว่าจะส่งประกวดอีกครั้งในปี 2554 เชื่อว่า น่าจะทำได้เพราะมีการวางแผน วางระบบที่เป็นมาตรฐานแบบสากล ไม่เหมือนที่ผ่านมา ทำแบบไม่มีระบบ“
***ปรับปรุง”สุวรรณภูมิ”โฉมใหม่ เก้าอี้- ห้องน้ำ-ลดคิวหน้าตรวจคนเข้าเมือง
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลต่อความไม่พอใจของผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และส่งผลต่อการส่งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเข้าประกวดเป็นสนามบินดีเด่นระดับโลก คือ การที่มีเก้าอี้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ห้องน้ำ ความสะอาด ความสะดวกสบายในการเข้า-ออก การใช้บริการ ความปลอดภัย ซึ่งที่ผ่านมา ได้ปรับปรุงแก้ไขมาโดยตลอดรวมถึงการจัดระบบการตรวจเอกสาร ตรวจเอ็กซเรย์สัมภาระ ผู้โดยสารใหม่ ทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกและเสียเวลาในการรอคิวน้อยลง
ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะแก้ปัญหาต่างๆ ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ ไม่มีร่องรอยการทุจริตคอร์รัปชั่นของระบอบทักษิณหลงเหลือ หรืออาจจะไม่มีวันนั้นก็ได้ ทอท.ในฐานะ ผู้ดูแลท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เจ้าของพื้นที่ เป็นด่านแรกที่ต้องรับผิดชอบไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วทอท. จะปล่อยให้ก้าวเดินไปในรูปแบบเดิมๆ หรือ
เร็วๆ นี้ ทอท.จะเปิดประมูลหาผู้ให้บริการรถเข็นกระเป๋าใหม่ มีแผนโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ (Domestic Terminal ) แผนพัฒนาพื้นที่ แปลง 37 กว่า 1,000 ไร่เชิงพาณิชย์ เป็นต้น เม็ดเงินอีกเป็นหมื่นล้านบาทที่เกิดขึ้นจากโครงการเหล่านี้ จะดูแลจัดการปกป้องอย่างไรไม่ให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาสร้างความบอบช้ำ เหมือนในอดีต ยิ่งนักการเมืองยุคนี้ เข้ามาเป็นใหญ่เป็นโตกันแบบโชคช่วย ไม่มีทางรู้เรื่องสนามบินดีเท่ากับทอท.
หากไม่คิดถึงบทเรียนในอดีต สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสุวรรณภูมิก็คงเป็นแค่การเปลี่ยนขั้วอำนาจ ทางการเมืองที่ไร้จริยธรรม มุ่งเข้ามากอบโกยผลประโยชน์เหมือนอดีต ” เป็นเพียงการเปลี่ยนผ่านอำนาจจากระบอบทักษิณ สู่กลุ่มอำนาจใหม่ภูมิใจไทย”เท่านั้น
วันที่ 28 กันยายน 2552 เป็นวันครบรอบ 3 ปี ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดดำเนินการ ด้วยเงินลงทุนกว่า 1.2 แสนล้านบาท คงปฏิเสธไม่ได้ถึงความใหญ่โต ทันสมัย และก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเต็มไปด้วยปัญหา ในทุกรูปแบบที่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะสามารถแก้ไขให้หมดสิ้นไปได้หรือไม่เพื่อให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นความภูมิใจของคนไทยอย่างแท้จริง
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีชื่อแรกเริ่มคือ ”หนองงูเห่า” และเป็นสนามบินที่ใช้เวลาในการก่อสร้างยาวนานที่สุดแห่งหนึ่ง มีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นมากที่สุด ทั้งทุจริตถมทราย ทุจริตจัดซื้อเครื่องเอ็กซเรย์ CTX 9000 และระบบสานพานลำเลียงมูลค่า 4,300 ล้านบาท เป็นต้น ที่จนถึงวันนี้คนที่เคยถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตต่างๆ ยังได้ถูกลงโทษแต่อย่างใด
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิส่วนใหญ่ เป็นผลผลิตของระบอบทักษิณ นับตั้งแต่การก่อสร้างที่มีนับ 100 สัญญา จนถึงสัญญาสัมปทานงานบริการต่างๆ ที่ใช้ระบบผลประโยชน์ตอบแทนกันเป็นตัวชี้ว่าใครจะชนะประมูลแทนการวัดที่คุณภาพของการทำงานจริงๆ มีกลุ่มคนที่มีอำนาจในขณะนั้นเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์กันอย่างไม่เกรงกลัวความผิด และในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาก็คงต้องยอมรับว่า ผลงานอัปยศของคนในระบอบทักษิณ ได้ฝากความบอกช้ำไว้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมากมาย
ทันทีที่ท่าอากาศยานดอนเมืองซึ่งดำเนินการ 92 ปี ถูกปิดลง ประเทศไทยเปลี่ยนศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศของประเทศไปที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สารพัดปัญหาก็โถมเข้าใส่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทันที เพราะจริงๆ แล้วท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่ได้มีความพร้อมที่จะเปิดนั่นเอง โดยเฉพาะปัญหาในการให้บริการที่เกิดจากการออกแบบที่ไม่เหมาะสมในหลายจุดรวมไปถึงการจัดพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารที่เต็มไปด้วยร้านค้าของกลุ่มคิงเพาเวอร์ จนทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกในการใช้บริการ
ไม่เฉพาะร้านค้าที่ตั้งขวางทางเดิน ทางหนีไฟ จนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่ต่างกับห้างสรรพสินค้าแล้ว รถเข็นกระเป๋าที่ได้มาด้วยการล็อกเสปกประมูล และสัญญาจ้างยามเอื้อเอกชน ก็ล้วนแต่สร้างปัญหาให้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมาโดยตลอด
แม้ต่อมาคณะกรรมการ ทอท.ในสมัยรัฐบาลยุค คมช.มีการรื้อสัมปทานฉาวของกลุ่มคิงเพาเวอร์ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ขู่....แต่ไม่ได้ฟัน หลังการเลือกตั้งรัฐบาลพลังประชาชนก็เข้ามาพลิกสถานการณ์ให้กลุ่มคิงเพาเวอร์ครอบครองพื้นที่สัมปทานร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) และสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไป แต่เพียงผู้เดียวเหมือนเดิม
“การยอมรับให้คิงเพาเวอร์จ่ายค่าเช่าพื้นที่ส่วนเกินในขณะนี้ ก็น่าจะเป็นคำตอบว่า จริงๆ แล้ว สัญญาคิงเพาเวอร์ถูกต้องหรือไม่ มีการรู้เห็นเป็นใจในการให้คิงเพาเวอร์ใช้พื้นที่เกินมาตั้งแต่แรกหรือไม่ และมีการไกล่เกลี่ยคดีความ ให้สัญญากลับคืนเหมือนเดิมกันจริงหรือไม่”
เวลา 3 ปี เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่า”อะไรที่ไม่มีคุณภาพ อย่างไรเสียก็ไม่มีคุณภาพ” กรณีรถเข็นกระเป๋าที่สัญญาถูกครหาว่าได้มาด้วยความไม่โปร่งใส เมื่อถูกใช้งานจริงๆ กลับไม่มีประสิทธิภาพเหมือนสนามบินนานาชาติอื่นๆ แถมยังถูกขโมยสูญหายไปกว่าครึ่ง จนนำไปสู่การยกเลิกสัญญากับบริษัท ไทยแอร์พอร์ตกราวด์เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ แทกส์ สัญญาว่าจ้าง บริษัทเอเชีย ซิเคียวริตี้ เมเนจเม้นท์ จำกัด (ASM) ซึ่งอยู่ในกลุ่มล็อกซเล่ย์-ไอ ซี ที เอส คอนซอร์เตียม เป็นผู้ให้บริการงานรักษาความปลอดภัย ณ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการทำสัญญาผูกขาดยาว 10 ปีไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่สามารถปรับลดอายุสัญญาลงได้เพราะมีปัญหาข้อกฎหมาย
นอกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถูกจดจำว่าเป็นที่มีการทุจริตคอร์รัปชั่นมากมายแล้ว ยังเป็นศูนย์รวมของแก๊งมิฉาชีพ ไกด์ผี แท็กซี่เถื่อน ที่ใช้เป็นแหล่งหลอกลวง ตบทรัพย์ผู้โดยสาร ต่างประเทศหรือแม้แต่คนไทยด้วยกันเองก็ไม่เว้น แล้วบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.ในฐานะผู้บริหารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทำอะไรบ้างกับปัญหาเหล่านั้น
***จับตามาตรฐานปราบไกด์ผีแท็กซี่เถื่อนได้ผลแค่ไหน?
คณะกรรมการทอท.ที่มีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต เป็นประธาน เข้ามารับหน้าที่ในช่วงที่ปัญหาการเมืองภายในประเทศร้อนแรงที่สุด มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 และวิกฤติทางด้านเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารลดน้อยลงไปจำนวนมาก ส่วนปัญหาของสุวรรณภูมิเองก็ยังไม่ได้รับการเยียวยา ทั้งไกด์ผี แท็กซี่เถื่อน ทรัพย์สินผู้โดยสารถูกขโมย มีการเรียกรับสินบนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติแลกกับการช่วยเหลือด้านคดีความ ถูกสำนักข่าวต่างประเทศเผยแพร่เป็นข่าวไปทั่วโลก
ปัญหาที่รุมเร้าน่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บอร์ดและผู้บริหารทอท.หันมาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง แตกต่างจากที่ผ่านมา โดยเฉพาะบอร์ดที่ลงมาสั่งการปราบไกด์ผี แท็กซี่เถื่อนด้วยตัวเอง ออกมาตรการปราบปราม คุมเข้มพื้นที่ รวมเป็นพนักงานทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง โยกย้ายเจ้าหน้าที่ของทอท.ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ภายใน 2 เดือนเห็นผลทันตา ว่า เหล่าบรรดาเหลือบที่แฝงตัวเข้ามาในคราบไกด์ แท็กซี่ ผิดกฎหมาย หายไปจากพื้นที่...แต่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า “หมดไปจริงหรือ” เพราะหากเมื่อใดที่เจ้าหน้าที่ ย่อหย่อน ชะล่าใจ แก๊งค์มิจฉาชีพเหล่านี้ก็พร้อมจะกลับเข้ามาอีกหาผลประโยชน์มหาศาลที่สุวรรณภูมิอีกแน่นอน
ล่าสุดสามารถจับกุมแท็กซี่เถื่อนได้แล้วถึง 1,196 ราย ส่วนไกด์ผีถูกจับแล้ว535 ราย ซึ่งนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีความพยายามหลายครั้งที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้แต่ไม่สำเร็จ เพราะคนปฎิบัติไม่แน่ใจในนโยบายว่าจริงจังแค่ไหน ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า มีคนในพื้นที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น ซึ่งก่อนที่จะประกาศมาตรการปราบปรามได้เข้าไปดูมีรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและให้ย้ายออกจากพื้นที่ไป ทำให้มั่นใจว่า อุปสรรคสำคัญได้รับการแก้ไขแล้ว เหลือเพียงการแก้ปัญหาระยะยาวคือต้องรักษาพื้นที่ป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ ซึ่งได้มีการตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาดูแลพื้นที่
*** ทุ่ม 100 ล้านจ้างที่ปรึกษาเปลี่ยนเป้าติด1 ใน 10 ท่าอากาศยานดีเด่นปี 54
ปี 2552 ทอท.ส่งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเข้าประกวดโดยตั้งเป้าหมายว่า จะต้องเป็นท่าอากาศยานดีเด่นติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก แต่ตลอดทั้งปี สุวรรณภูมิมีแต่ปัญหา มีข่าวที่ทำลายภาพลักษณ์ จนหมดหวังที่จะติด 1 ใน 10 ของท่าอากาศยานดีเด่นของโลกตามที่ตั้งความหวังไว้แล้ว ทำได้เพียง เป็นท่าอากาศยานดีเด่นอันดับ 3 ของโลกจากการโหวตของผู้อ่านนิตยสารออนไลน์ Smarttravelasia.com และลำดับที่16 จากการประกาศผล World Airport Award ประจำปี 2552 ของ SKYTRAX ด้วย ขยับขึ้นจากอันดับที่ 37 เมื่อปีก่อน
นายปิยะพันธ์ กล่าวว่า ในปี 2553 ทอท.จะต้องปรับทิศทางการดำเนินงานใหม่ คือ ปรับแผนงานด้านธุรกิจเน้นการตลาดให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับการบิน (Non Aero) ให้มากขึ้นจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้จากกิจกรรมที่เกี่ยวกับการบิน (Aero) และ Non Aero ที่ 60 ต่อ 40 ให้เป็น 50ต่อ 50 ให้ได้เพื่อลดผลกระทบกรณีเกิดวิกติของโลกที่ส่งผลให้การเดินทางของผู้โดยสารน้อยลง
ในขณะเดียวกันก็ต้องเร่งปรับปรุงและยกระดับคุณภาพการบริการ เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกให้เพียงพอและที่สำคัญต้องสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการเพื่อให้เกิดความพึ่งพอใจอย่างสูงสุด ซึ่งจะต้องจ้างที่ปรึกษาด้านการพัฒนาบริการและภาพลักษณ์ มาเป็นผู้ช่วยวางแนวทางให้ วงเงิน 100 ล้านบาท
“การจัดอันดับนั้นมีหลายสถาบันแต่ที่ทอท.ต้องการคือ เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่เป็นเลิศด้านการบริการโดยผ่านการโหวตของผู้ใช้บริการจริงๆ จากสภาท่าอากาศยานนานาชาติ (Airports Council International) หรือ ACI
ปีนี้มีปัญหามาก ปี 2553 ก็จะเป็นปีของการปรับปรุง การเตรียมความพร้อมในทุกๆองค์ประกอบ และตั้งเป้าหมาย ว่าจะส่งประกวดอีกครั้งในปี 2554 เชื่อว่า น่าจะทำได้เพราะมีการวางแผน วางระบบที่เป็นมาตรฐานแบบสากล ไม่เหมือนที่ผ่านมา ทำแบบไม่มีระบบ“
***ปรับปรุง”สุวรรณภูมิ”โฉมใหม่ เก้าอี้- ห้องน้ำ-ลดคิวหน้าตรวจคนเข้าเมือง
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลต่อความไม่พอใจของผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และส่งผลต่อการส่งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเข้าประกวดเป็นสนามบินดีเด่นระดับโลก คือ การที่มีเก้าอี้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ห้องน้ำ ความสะอาด ความสะดวกสบายในการเข้า-ออก การใช้บริการ ความปลอดภัย ซึ่งที่ผ่านมา ได้ปรับปรุงแก้ไขมาโดยตลอดรวมถึงการจัดระบบการตรวจเอกสาร ตรวจเอ็กซเรย์สัมภาระ ผู้โดยสารใหม่ ทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกและเสียเวลาในการรอคิวน้อยลง
ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะแก้ปัญหาต่างๆ ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ ไม่มีร่องรอยการทุจริตคอร์รัปชั่นของระบอบทักษิณหลงเหลือ หรืออาจจะไม่มีวันนั้นก็ได้ ทอท.ในฐานะ ผู้ดูแลท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เจ้าของพื้นที่ เป็นด่านแรกที่ต้องรับผิดชอบไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วทอท. จะปล่อยให้ก้าวเดินไปในรูปแบบเดิมๆ หรือ
เร็วๆ นี้ ทอท.จะเปิดประมูลหาผู้ให้บริการรถเข็นกระเป๋าใหม่ มีแผนโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ (Domestic Terminal ) แผนพัฒนาพื้นที่ แปลง 37 กว่า 1,000 ไร่เชิงพาณิชย์ เป็นต้น เม็ดเงินอีกเป็นหมื่นล้านบาทที่เกิดขึ้นจากโครงการเหล่านี้ จะดูแลจัดการปกป้องอย่างไรไม่ให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาสร้างความบอบช้ำ เหมือนในอดีต ยิ่งนักการเมืองยุคนี้ เข้ามาเป็นใหญ่เป็นโตกันแบบโชคช่วย ไม่มีทางรู้เรื่องสนามบินดีเท่ากับทอท.
หากไม่คิดถึงบทเรียนในอดีต สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสุวรรณภูมิก็คงเป็นแค่การเปลี่ยนขั้วอำนาจ ทางการเมืองที่ไร้จริยธรรม มุ่งเข้ามากอบโกยผลประโยชน์เหมือนอดีต ” เป็นเพียงการเปลี่ยนผ่านอำนาจจากระบอบทักษิณ สู่กลุ่มอำนาจใหม่ภูมิใจไทย”เท่านั้น