กลุ่มค้าปลีกรถยนต์หรู “เบนซ์ บีเคเค” รีแบรนด์ดิ้ง ควบรวมการบริหารธุรกิจ ภายใต้ชื่อ “บีเคเค กรุ๊ป” ปรับและขยายธุรกิจรองรับ เชื่อดันรายได้สิ้นปีเติบโตเป็น 3,000 ล้านบาท ปลายทุ่ม1,000ล้านบาทสยายปีกรุอสังหาฯเปิดตัวโครงการคอนโดฯไฮเอนด์
นายเหรียญชัย ลิขิตพฤกษ์ ประธานกรรมการ บีเคเค กรุ๊ป เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 17 ปี ที่กลุ่มบริษัทบีเคเคได้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกและบริการยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รถยนต์นิสสัน ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง รถยนต์มือสอง ID1 ตลอดจนบริการเช่าซื้อ และรถเช่า มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนมาอย่างต่อเนื่อง จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค ทำรายได้กว่า 2,700 ล้านบาทในปีที่แล้ว และช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ค.) มีอัตราการเติบโตกว่า 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
“เป็นการเติบโตสวนสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปัจจุบัน แสดงให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจที่มาถูกทิศทาง และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า แต่เพื่อให้ธุรกิจของเรามั่นคงและแข็งแกร่งยั่งยืน ล่าสุดได้มีการรีแบรนด์ดิ้งองค์กรใหม่ ภายใต้ชื่อบีเคเค กรุ๊ป และคาดว่าจะผลักดันให้ผลประกอบการของกลุ่มบีเคเคปีนี้ เติบโตเป็น 3,000 ล้านบาทแน่นอน”
สำหรับวัตถุประสงค์การรีแบรนด์ดิ้งธุรกิจ เพื่อควบรวมการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีบีเคเค กรุ๊ป เป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่ม พร้อมกับมุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าเป็นเลิศ และลงทุนด้านบุคลากรและซอฟแวร์ ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้แนวคิด “For Today’s Better Living : สรรค์สร้างชีวิตวันนี้ที่ดีกว่า” และนอกจากนี้บีเคเคกรุ๊ปยังเตรียมขยายฐานการดำเนินไปสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมค้าปลีก เนื่องจากบริษัทฯ มีที่ดินอยู่ในทำเลทองของกรุงเทพฯ หลายแห่ง
“เร็วๆ นี้ทางกลุ่มบีเคเคกรุ๊ป จะขยายการลงทุนไปยังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปลายปีนี้เตรียมจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม 34 ชั้น ระดับไฮเอนด์บนทำเลทอง บนพื้นที่ 9 ไร่ ของถนนสุขุมวิท บริเวณสี่แยกบางนา ตรงข้ามกับศูนย์ประชุมฯ ไบเทค ขณะนี้กำลังสรุปรายละเอียดต่างๆ แต่ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่แห่งแรกของบีเคเค กรุ๊ป คาดว่าจะมีมูลค่าลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท ภายในการบริหารจัดการของบริษัทลูก บีเคเค แกรนด์ เอสเตท จำกัด”นายเหรียญชัยกล่าว
นายอนุพล ลิขิตพฤกษ์ไพศาล กรรมการบริหาร บีเคเค กรุ๊ป เปิดเผยว่า การรีแบรนด์ดิ้งองค์กรครั้งนี้ จึงเป็นการเตรียมรองรับการขยายธุรกิจของบีเคเค และเน้นหลักในการบริหารเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ เนื่องจากตลาดระดับไฮเอนด์นั้น มีขนาดของตลาดที่จำกัดแต่ก็มีกำลังซื้อ บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นให้ความสำคัญในเรื่องของลูกค้า การบริหารต้นทุนและการดำเนินงาน ตลอดจนแสวงหาโฮกาสธุรกิจที่สามารถทำกำไร และการบริหารจัดการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ มาสนับสนุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
“ ในการรีแบรนด์ดิ้งครั้งนี้ใช้เงินไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท ในการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์องค์กร จัดซื้อเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย และนำเทคโนโลยีสื่อสารสนเทศ มาสนับสนนุให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และในปีหน้ากำลังพิจาณาเปิดโชว์รูมใหม่ คาดว่าจะลงทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เพื่อรองรับตลาดรถยนต์ที่น่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง รวมถึงการเปิดตัวของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และนิสสน ”
สำหรับยอดขายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ของบีเคเค กรุ๊ปปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 400 คัน และนิสสันที่กำลังเติบโตน่าจะทำได้ถึง 500 คัน ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ของกลุ่มจำหน่ายรถยนต์ และบริการหลังการขายปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 65% ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่มบีเคเค แต่สัดส่วนอาจจะเปลี่ยนไปในอนาคต เมื่อมีการเปิดตัวโครงการอสังหาฯในช่วงปลายปีนี้
นายเหรียญชัย ลิขิตพฤกษ์ ประธานกรรมการ บีเคเค กรุ๊ป เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 17 ปี ที่กลุ่มบริษัทบีเคเคได้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกและบริการยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รถยนต์นิสสัน ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง รถยนต์มือสอง ID1 ตลอดจนบริการเช่าซื้อ และรถเช่า มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนมาอย่างต่อเนื่อง จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค ทำรายได้กว่า 2,700 ล้านบาทในปีที่แล้ว และช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ค.) มีอัตราการเติบโตกว่า 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
“เป็นการเติบโตสวนสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปัจจุบัน แสดงให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจที่มาถูกทิศทาง และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า แต่เพื่อให้ธุรกิจของเรามั่นคงและแข็งแกร่งยั่งยืน ล่าสุดได้มีการรีแบรนด์ดิ้งองค์กรใหม่ ภายใต้ชื่อบีเคเค กรุ๊ป และคาดว่าจะผลักดันให้ผลประกอบการของกลุ่มบีเคเคปีนี้ เติบโตเป็น 3,000 ล้านบาทแน่นอน”
สำหรับวัตถุประสงค์การรีแบรนด์ดิ้งธุรกิจ เพื่อควบรวมการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีบีเคเค กรุ๊ป เป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่ม พร้อมกับมุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าเป็นเลิศ และลงทุนด้านบุคลากรและซอฟแวร์ ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้แนวคิด “For Today’s Better Living : สรรค์สร้างชีวิตวันนี้ที่ดีกว่า” และนอกจากนี้บีเคเคกรุ๊ปยังเตรียมขยายฐานการดำเนินไปสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมค้าปลีก เนื่องจากบริษัทฯ มีที่ดินอยู่ในทำเลทองของกรุงเทพฯ หลายแห่ง
“เร็วๆ นี้ทางกลุ่มบีเคเคกรุ๊ป จะขยายการลงทุนไปยังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปลายปีนี้เตรียมจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม 34 ชั้น ระดับไฮเอนด์บนทำเลทอง บนพื้นที่ 9 ไร่ ของถนนสุขุมวิท บริเวณสี่แยกบางนา ตรงข้ามกับศูนย์ประชุมฯ ไบเทค ขณะนี้กำลังสรุปรายละเอียดต่างๆ แต่ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่แห่งแรกของบีเคเค กรุ๊ป คาดว่าจะมีมูลค่าลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท ภายในการบริหารจัดการของบริษัทลูก บีเคเค แกรนด์ เอสเตท จำกัด”นายเหรียญชัยกล่าว
นายอนุพล ลิขิตพฤกษ์ไพศาล กรรมการบริหาร บีเคเค กรุ๊ป เปิดเผยว่า การรีแบรนด์ดิ้งองค์กรครั้งนี้ จึงเป็นการเตรียมรองรับการขยายธุรกิจของบีเคเค และเน้นหลักในการบริหารเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ เนื่องจากตลาดระดับไฮเอนด์นั้น มีขนาดของตลาดที่จำกัดแต่ก็มีกำลังซื้อ บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นให้ความสำคัญในเรื่องของลูกค้า การบริหารต้นทุนและการดำเนินงาน ตลอดจนแสวงหาโฮกาสธุรกิจที่สามารถทำกำไร และการบริหารจัดการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ มาสนับสนุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
“ ในการรีแบรนด์ดิ้งครั้งนี้ใช้เงินไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท ในการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์องค์กร จัดซื้อเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย และนำเทคโนโลยีสื่อสารสนเทศ มาสนับสนนุให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และในปีหน้ากำลังพิจาณาเปิดโชว์รูมใหม่ คาดว่าจะลงทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เพื่อรองรับตลาดรถยนต์ที่น่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง รวมถึงการเปิดตัวของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และนิสสน ”
สำหรับยอดขายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ของบีเคเค กรุ๊ปปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 400 คัน และนิสสันที่กำลังเติบโตน่าจะทำได้ถึง 500 คัน ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ของกลุ่มจำหน่ายรถยนต์ และบริการหลังการขายปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 65% ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่มบีเคเค แต่สัดส่วนอาจจะเปลี่ยนไปในอนาคต เมื่อมีการเปิดตัวโครงการอสังหาฯในช่วงปลายปีนี้
