ไชน่าเดลี่ – ยอดจำหน่ายรถยนต์ในปักกิ่งเดือนสิงหาคมพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะ 60,100 คัน คาดภายในสิ้นปี 2552 นี้ เป็นไปได้ว่าจะมีรถยนต์วิ่งตามท้องถนนของเมืองหลวงจีนแตะ 4 ล้านคัน
ตลาดรถยนต์ย่าหยุนชุน ซึ่งเป็นดีลเลอร์ยานยนต์รายใหญ่สุดในปักกิ่งเปิดเผย ยอดจำหน่ายรถยนต์ในกรุงปักกิ่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ราว 60,100 คัน ซึ่งนับเป็นยอดจำหน่ายสูงสุดของปี โดยในแต่ละวันมีผู้ซื้อรถเฉลี่ยถึง 2,000 คัน ในจำนวนนี้ 86% เป็นผู้ซื้อเอกชนไม่ใช่บริษัท ขณะที่ยอดจำหน่ายรถยนต์มือสองและรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ ตัวเลขข้างต้นนับว่าสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่าเท่าตัว โดยเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ชาวปักกิ่งซื้อรถแค่เพียง 29,500 คันเท่านั้น เนื่องจากทางการประกาศใช้นโยบายคุมเข้มรถยนต์ช่วงโอลิมปิกปักกิ่ง
ด้านนักวิเคราะห์เชื่อว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงสิ้นปีนี้ และหากเป็นเช่นนั้น จำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนท้องถนนกรุงปักกิ่งก็จะพุ่งทะลุ 4 ล้านคันภายในสิ้นปีนี้ แซงหน้าหลายเมืองของประเทศแถบเอเชีย อาทิ กรุงโซล ของเกาหลีใต้
แน่นอนว่า ปริมาณรถยนต์ที่หนาแน่นขึ้นจะกลายเป็นปัญหาหนักอกของรัฐบาล เนื่องจากที่ผ่านมาทางการพยายามแก้ปัญหาจราจรติดขัดภายในเมืองหลวง และลดมลภาวะ ด้วยการสั่งห้ามใช้รถยนต์ใน 1 วันของสัปดาห์ (จะเป็นวันไหนก็ขึ้นอยู่กับเลขทะเบียนรถ) แต่ก็มีเจ้าของรถจำนวนไม่น้อยหัวหมอ ซื้อรถยนต์คันที่ 2 หรือแม้กระทั่งคันที่ 3 เพื่อหลีกหนีความไม่สะดวกดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำนักงานควบคุมดูแลการคมนาคมของปักกิ่งเปิดเผยว่า พวกเขายังไม่มีแผนยับยั้งผู้ขับขี่ซื้อรถยนต์ใหม่