xs
xsm
sm
md
lg

SCGหวังไทยเข้มแข็งฟื้นดึงตลาดปูน เปิดตัว “ปูนช้าง ทนน้ำทะเล”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

SCG ซิเมนต์ เผยตลาดซีเมนต์ครึ่งปีแรกวูบ 10% หวังมาตรการไทยเข้มแข็งฉุดครึ่งปีหลังกระเตื้องเท่าปีที่ผ่านมา ระบุปี 52 ตลาดปูนตกต่ำสุดในรอบ 3 ปี เชื่อหลังจากนี้ตลาดค่อยๆ เติบโตเท่าระดับเดิม 28 ล้านตันในไม่ช้า ส่วนส่งออกลุยตลาดใหม่แอฟริกา พร้อมชูนโยบายผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ล่าสุดเปิดตัว “ปูนช้าง ทนน้ำทะเล”

นายปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ซิเมนต์ เปิดเผยว่า ตลาดปูนซีเมนต์ภายในประเทศปีนี้ถือว่าตกต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี จากเดิมที่มียอดบริโภคภายในประเทศประมาณ 28 ล้านตัน ปัจจุบันคาดว่าทั้งปีจะมียอดบริโภคภายในประเทศเพียง 24 ล้านตันเท่านั้น ซึ่งมีอัตราใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยในช่วงครึ่งปีแรกตลาดโตติดลบ 10%

ส่วนในครึ่งปีหลังคาดว่า สถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมาตรการภาครัฐ โครงการไทยเข้มแข็ง เชื่อว่าจะเริ่มส่งผลให้มีการก่อสร้างในโครงการต่างๆ และมีความต้องการใช้ปูนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดการบริโภคปูนซีเมนต์ทั้งปี มีอัตราใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาหรือเติบโตเป็นบวกเล็กน้อย

สำหรับกลุ่ม SCG ซิเมนต์ในปี 2552 คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 17-18 ล้านตัน โดยเป็นการขายในประเทศ 10 ล้านตัน และอีก 7-8 ล้านตันเป็นการส่งออก ซึ่งตลาดส่งออกนั้นอัตราการเติบโตติดลบ 10% เช่นกัน อย่างไรก็ตาม SCG ได้ปรับตัวรองรับการชะลอตัวของตลาดมาตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแนวทางการแก้ไขตลาดในประเทศนั้น ได้ลงทุนกว่า 5,800 ล้านบาทในการวางระบบและลงทุนในด้านพลังงาน เพื่อลดต้นทุนซึ่งเริ่มเห็นผลในปีนี้ ส่วนผลิตภัณฑ์นั้น หันมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้ามากขึ้น

ด้านตลาดต่างประเทศ เดิมเน้นส่งออกไปที่สหรัฐฯกว่า 50-60% ของยอดส่งออกแต่ในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน SCG ได้หยุดส่งออกไปยังสหรัฐฯ และหันไปหาตลาดใหม่ๆเพิ่ม โดยล่าสุดได้ส่งไปยังประเทศแอฟริกา ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยปัจจุบันมียอดส่งออกประมาณ 15% ของยอดส่งออกทั้งหมด

“ ตลาดในสหรัฐฯ เราหยุดส่งออกตั้งแต่เริ่มเห็นสัญญาณวิกฤต แต่ปัจจุบันตลาดสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวขึ้นและเริ่มมีการก่อสร้างบ้างแล้ว แต่ในช่วงแรกคงต้องเป็นการบริโภคปูนภายในประเทศก่อน เมื่อเต็มกำลังการผลิตแล้วจึงจะเริ่มนำเข้า ซึ่งหวังว่าน่าจะเป็นปีหน้า เราจะได้ส่งออกไปยังสหรัฐฯอีกครั้ง”

นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า นอกจากการพัฒนาสินค้านวัฒกรรมใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องแล้ว กลุ่ม SCG ยังได้ให้ความสำคัญต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ตั้งงบประมาณด้านวิจัยและพัฒนา( R&D ) เพื่อพัฒนาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไว้ 180 ล้านบาท หลังจากติดตั้งระบบ Waste-Heat Power Generation (WHG) ที่โรงงานปูนซีเมนต์เสร็จทั้งหมดในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ปีละ 300,000 ตัน

ปัจจุบัน SCG ซิเมนต์ มีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองฉลาก SCG eco value อาทิ ปูนตราเสือ ซึ่งผลิตจากกระบวนการผลิตที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงกว่า 30% เมื่อเทียบกับการผลิตปูนปอร์ตแลนด์ประเภท 1 คอนกรีตลานตากพืชผล ซีแพค ซึ่งลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในการอบแห้งผลผลิตได้ 15% เมื่อเทียบกับคอนกรีตทั่วไป เป็นต้น

ล่าสุดเปิดตัว “ ปูนช้าง ทนน้ำทะเล ” ปูนซีเมนต์สูตรพิเศษ สำหรับงานริมชายฝั่งทะเล พื้นที่น้ำกร่อย หรือพื้นที่ที่สัมผัสกับน้ำทะเลหรือไอทะเล มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนจากคลอไรด์และซัลเฟต และยังมี อายุการใช้งานที่ยาวนานเป็น 2 เท่าของโครงสร้างที่ใช้ปูนปอร์ตแลนด์ทั่วไป เนื่องจากการใช้สแลก (Slag) ซึ่งเป็นวัตถุเหลือทิ้งจากกระบวนการถลุงเหล็ก มาใช้เป็นวัตถุดิบเสริมในการผลิต ทำให้มีคุณสมบัติด้านความทนทาน มีอายุการใช้งานยาวนาน และที่สำคัญคือสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 40 %
 
“ ปูนช้าง ทนน้ำทะเล เป็นการต่อยอดจากคอนกรีตชายฝั่งทะเลซีแพค ซึ่งออกสู่ตลาดเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ที่มุ่งเฉพาะกลุ่มลูกค้าโครงการขนาดใหญ่ แต่ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดนี้ อยู่ในรูปแบบปูนซีเมนต์ ซึ่งจะวางจำหน่ายสู่ตลาดทั่วไป เพื่อตอบสนองความต้องการของเจ้าของบ้านบริเวณชายฝั่งทะเลและโครงการขนาดเล็ก และคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายให้ SCG ในช่วง 12 เดือนนับจากนี้ประมาณ 100 ล้านบาท”
กำลังโหลดความคิดเห็น