ศึกชิงหัวหาดปั๊มน้ำมัน ปตท. “จิฟฟี่” ดึง เซ็นทรัลฟู้ดรีเทล ร่วมจัดซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับร้านจิฟฟี่ทั้งหมด พร้อมเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง ฟาก “เซเว่นอีเลฟเว่น” เดินแต้มต่อ รุดเข้าเจรจา บอร์ด ปตท.หาทางขยายธุรกิจและความร่วมมือซึ่งกันและกัน พร้อมนำธุรกิจในกลุ่มของเซเว่นฯช่วงสร้างแม็กเน็ตดึงคน คาดสรุปผลใน3เดือน
ดร.กฤษณะพล โกมลบุณย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด (พีทีทีอาร์เอ็ม) ผู้บริหารร้านจิฟฟี่ ในปั๊มปตท เปิดเผยว่า แนวทางการขยายธุรกิจของร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่มีโอกาสที่จะแยกตัวออกมาเปิดในรูปแบบสแตนด์อโลนนอกปั๊มน้ำมันปตทได้เช่นกัน รวมทั้งการแสวงหาพันธมิตรเพื่อสร้างศักยภาพทางธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่ทับซ้อนกับการเปิดร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในปั๊มปตท
“เรามีแผนที่จะขยายธุรกิจร้านจิฟฟี่มากขึ้น ทั้งจำนวนสาขา การหาพันธมิตร และการสร้างยอดขาย ซึ่งเราจะมุ่งเน้นสินค้าที่ขายง่ายและเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะอาหาร เพราะมีมาร์จิ้นสูงมากกว่า 30%” ดร กฤษณะพลกล่าว
ทั้งนี้ปตท. มีนโยบายที่ชัดเจนในการลงทุนทางด้านธุรกิจค้าปลีก กล่าวคือ 1.หากเป็นปั๊มที่ลงทุนโดยปตท.เอง ร้านสะดวกซื้อก็จะเป็นร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เท่านั้น ซึ่งตามสัญญายังเหลืออีก 4 ปี 2.ถ้าเป็นปั๊มปตท.ที่ลงทุนโดยดีลเลอร์ ก็จะเป็นความรับผิดชอบของ พีทีทีอาร์เอ็ม ที่มีหน้าที่จะต้องเจรจากับทางเซเว่นอีเลฟเว่นก่อนว่าสนใจหรือไม่ในปั๊มนั้นๆ ซึ่งหากไม่สนใจบริษัทฯก็สามารถเปิดร้านจิฟฟี่ได้
“จิฟฟี่เป็นแบรนด์ที่เราได้ซื้อลิขสิทธิ์จากโคโนโคเจ้าของเดิมมาแล้ว โดยไม่มีสัญญาอายุ และสามารถใช้ใน 6 ประเทศคือ ไทย ลาว เขมร ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย อีกทั้งหากมองรายได้จากทั้งระบบแล้ว มีรายได้จากน้ำมัน 85-88% และนอนออยล์กับโคแบรนด์ 12-13% ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 30% ในอีก 3 ปีจากนี้ ทำให้ราต้องให้ความสำคัญกับแบรนด์จิฟฟี่อย่างมาก” ดร.กฤษณะพลกล่าว
ปัจจุบัน มีร้านจิฟฟี่ในปั๊มปตท.(ปั๊มเจ๊ทเดิม) ที่ปรับโฉมใหม่หมดเรียบร้อยแล้ว 146 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิม 2.1 ล้านบาท เป็น 2.2 ล้านบาทต่อเดือนต่อสาขาโดยเฉลี่ย ส่วนน้ำมันในปั๊มเดียวกันเพิ่มจาก 560,000 ลิตรต่อเดือนต่อสาขา เป็น 640,000 ลิตรต่อเดือนต่อสาขา ซึ่งยอดขายของจิฟฟี่ต่อปีมีประมาณ 4,000 ล้านบาท
ขณะนี้ร้านจิฟฟี่สาขาแรกที่ตั้งนอกปั๊มอยู่ระหว่างการสร้างที่ สำนักงานใหญ่ของปตท. ถนนวิภาวดีรังสิต ในโครงการเอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ พื้นที่ 125 ตารางเมตร ส่วนแผนการลงทุนช่วง 2-3 ปีตั้งงบลงทุนไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ลงทุนด้านอินฟอร์เมชั่น ระบบซอฟท์แวร์ บริการต่างๆ รวมไปถึงการปรับโฉมร้านจิฟฟี่เดิมให้เป็นรูปแบบแพลททินั่มมากขึ้น ซึ่งทำไปแล้ว 4 สาขาคือ บางบัวทอง ปิ่นเกล้า 26 และกองพลทหารราบ 1 และ 2 ส่วนปีหน้ามีแผนเพิ่มอีก 3 สาขา ด้วยงบ 100 กว่าล้านบาท คือที่ แก่งคอย พระรามสอง และวังน้อยคาดเสร็จปีนี้
ส่วนปีหน้าจะปรับโฉมอีก 7 สาขา ให้เป็นปั๊มแพลททินั่ม ที่สร้างประสบการณ์ดีกับผู้บริโภค เพราะจะมีคุณภาพที่ดีทั้งบริการ ความสะอาด ความซื่อสัตย์ของพนักงาน เป็นต้น เช่นที่ แก่งคอย ซึ่งเป้าหมายระยะยาวต้องการมีรูปแบบแพลทินั่มประมาณ 200 แห่งจากปั๊มปตท.ทั้งหมด 1,200 แห่ง (เป็นปั๊มของบริษัทปตท.เอง 65% และเป็นของดีลเลอร์ 35% )
ล่าสุดบริษัทฯได้มอบหมายให้บริษัท เซ็นทรัลฟู้ดรีเทล จำกัด เครือเซ็นทรัล ผู้รับผิดชอบในการบริการจัดซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับร้านจิฟฟี่ทั้งหมด 146 แห่ง รวมถึงการขยายสาขาใหม่ในอนาคตทั้งหมดภายในปั๊มปตท. ซึ่งคิดเป็นมูลค่าสินค้าทั้งหมด มากกว่า 2,300 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นสินค้าประมาณ 60% จากทั้งหมด 4,500 เอสเคยู โดยมีสัญญาณ 3 ปี ส่วนสินค้าเฟรชฟู้ดนั้นยอดขาย30% ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับซัปพลายเออร์อยู่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญเหมือนกัน เพราะมีมาร์จิ้นสูงกว่า 30-50%
**เซนทรัลลุ้นยกทัพเข้าปตท.**
อย่างไรก็ตาม เซ็นทรัลจะสามารถต่อยอดธุรกิจใหม่จากความร่วมมือครั้งนี้หรือไม่ นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัทแม่ของเซ็นทรัลฟู้ดรีเทล กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับความกรุณาของพีทีทีอาร์เอ็มเป็นหลัก เราก็มีความพร้อม เพราะเป็นนโยบายของเราอยู่แล้วที่จะเติบโตด้วยการขยายธุรกิจเองกับการขยายร่วมกับพันธมิตร ซึ่งการที่ท็อปส์มารับบริหารจัดซื้อสินค้าให้กับจิฟฟี่ก็ถือเป็นความร่วมมือเริ่มต้นที่ดี
ทางด้านดร.กฤษณะพล กล่าวเสริมว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทในเครือเซ็นทรัลคือ ซีเอ็มจี เป็นธุรกิจเกี่ยวกับแฟชั่นเสื้อผ้า ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเปิดเป็นชอปแฟชั่นในปั๊มหรือพื้นที่ใกล้กับจิฟฟี่ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า แต่ยังไม่สรุป
**เซเว่นฯเกทับคุยระดับใหญ่กว่า**
ขณะที่นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ผู้บริหารระดับสูงของปตท. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ พีทีทีอาร์เอ็ม เพื่อหาทางขยายธุรกิจและความร่วมมือซึ่งกันและกัน โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับทั้งคู่ในด้านธุรกิจค้าปลีก อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถสรุปการเจรจาได้ภายใน 3 เดือนนับจากนี้
“ข้อเสนอที่เรายื่นไปให้กับปตท.นั้น หลักๆคือ การทำให้ปตท.เติบโตมากขึ้นในแง่ค้าปลีกที่ไม่ใช่น้ำมัน รวมทั้งได้นำเสนอธุรกิจในกลุ่มของเซเว่นฯเข้าไปเปิดกับเซเว่นฯในปั๊มปตท.มากขึ้น เพื่อสร้างแม็กเน็ตดึงคน ไม่ว่าจะเป็น ร้านเซเว่นฯ ร้านคัดสรร ร้านกาแฟยูริ ร้านหนังสือบุ๊คสไมล์ รวมไปถึงร้านเอ็กต้า(ร้านจำหน่ายสินค้าสุขภาพและความงาม)”
ปัจจุบันเซเว่นฯมีร้านในปั๊มปตทแล้ว 700 กว่าสาขา จากจำนวนปั๊มของปตท.ทั้งหมดกว่า 1,200 แห่ง ซึ่งมีเป้าหมายที่จะขยายให้ครบก่อนหมดสัญญาอีก 4 ปี ซึ่งการที่จิฟฟี่ไปร่วมมือกับทางเซ็นทรัลก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเรา เราก็เดินหน้าธุรกิจในส่วนของเราไป และเราเองก็เก่งเรื่องอาหารอยู่แล้วด้วย” นายปิยะวัฒน์กล่าว
ดร.กฤษณะพล โกมลบุณย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด (พีทีทีอาร์เอ็ม) ผู้บริหารร้านจิฟฟี่ ในปั๊มปตท เปิดเผยว่า แนวทางการขยายธุรกิจของร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่มีโอกาสที่จะแยกตัวออกมาเปิดในรูปแบบสแตนด์อโลนนอกปั๊มน้ำมันปตทได้เช่นกัน รวมทั้งการแสวงหาพันธมิตรเพื่อสร้างศักยภาพทางธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่ทับซ้อนกับการเปิดร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในปั๊มปตท
“เรามีแผนที่จะขยายธุรกิจร้านจิฟฟี่มากขึ้น ทั้งจำนวนสาขา การหาพันธมิตร และการสร้างยอดขาย ซึ่งเราจะมุ่งเน้นสินค้าที่ขายง่ายและเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะอาหาร เพราะมีมาร์จิ้นสูงมากกว่า 30%” ดร กฤษณะพลกล่าว
ทั้งนี้ปตท. มีนโยบายที่ชัดเจนในการลงทุนทางด้านธุรกิจค้าปลีก กล่าวคือ 1.หากเป็นปั๊มที่ลงทุนโดยปตท.เอง ร้านสะดวกซื้อก็จะเป็นร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เท่านั้น ซึ่งตามสัญญายังเหลืออีก 4 ปี 2.ถ้าเป็นปั๊มปตท.ที่ลงทุนโดยดีลเลอร์ ก็จะเป็นความรับผิดชอบของ พีทีทีอาร์เอ็ม ที่มีหน้าที่จะต้องเจรจากับทางเซเว่นอีเลฟเว่นก่อนว่าสนใจหรือไม่ในปั๊มนั้นๆ ซึ่งหากไม่สนใจบริษัทฯก็สามารถเปิดร้านจิฟฟี่ได้
“จิฟฟี่เป็นแบรนด์ที่เราได้ซื้อลิขสิทธิ์จากโคโนโคเจ้าของเดิมมาแล้ว โดยไม่มีสัญญาอายุ และสามารถใช้ใน 6 ประเทศคือ ไทย ลาว เขมร ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย อีกทั้งหากมองรายได้จากทั้งระบบแล้ว มีรายได้จากน้ำมัน 85-88% และนอนออยล์กับโคแบรนด์ 12-13% ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 30% ในอีก 3 ปีจากนี้ ทำให้ราต้องให้ความสำคัญกับแบรนด์จิฟฟี่อย่างมาก” ดร.กฤษณะพลกล่าว
ปัจจุบัน มีร้านจิฟฟี่ในปั๊มปตท.(ปั๊มเจ๊ทเดิม) ที่ปรับโฉมใหม่หมดเรียบร้อยแล้ว 146 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิม 2.1 ล้านบาท เป็น 2.2 ล้านบาทต่อเดือนต่อสาขาโดยเฉลี่ย ส่วนน้ำมันในปั๊มเดียวกันเพิ่มจาก 560,000 ลิตรต่อเดือนต่อสาขา เป็น 640,000 ลิตรต่อเดือนต่อสาขา ซึ่งยอดขายของจิฟฟี่ต่อปีมีประมาณ 4,000 ล้านบาท
ขณะนี้ร้านจิฟฟี่สาขาแรกที่ตั้งนอกปั๊มอยู่ระหว่างการสร้างที่ สำนักงานใหญ่ของปตท. ถนนวิภาวดีรังสิต ในโครงการเอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ พื้นที่ 125 ตารางเมตร ส่วนแผนการลงทุนช่วง 2-3 ปีตั้งงบลงทุนไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ลงทุนด้านอินฟอร์เมชั่น ระบบซอฟท์แวร์ บริการต่างๆ รวมไปถึงการปรับโฉมร้านจิฟฟี่เดิมให้เป็นรูปแบบแพลททินั่มมากขึ้น ซึ่งทำไปแล้ว 4 สาขาคือ บางบัวทอง ปิ่นเกล้า 26 และกองพลทหารราบ 1 และ 2 ส่วนปีหน้ามีแผนเพิ่มอีก 3 สาขา ด้วยงบ 100 กว่าล้านบาท คือที่ แก่งคอย พระรามสอง และวังน้อยคาดเสร็จปีนี้
ส่วนปีหน้าจะปรับโฉมอีก 7 สาขา ให้เป็นปั๊มแพลททินั่ม ที่สร้างประสบการณ์ดีกับผู้บริโภค เพราะจะมีคุณภาพที่ดีทั้งบริการ ความสะอาด ความซื่อสัตย์ของพนักงาน เป็นต้น เช่นที่ แก่งคอย ซึ่งเป้าหมายระยะยาวต้องการมีรูปแบบแพลทินั่มประมาณ 200 แห่งจากปั๊มปตท.ทั้งหมด 1,200 แห่ง (เป็นปั๊มของบริษัทปตท.เอง 65% และเป็นของดีลเลอร์ 35% )
ล่าสุดบริษัทฯได้มอบหมายให้บริษัท เซ็นทรัลฟู้ดรีเทล จำกัด เครือเซ็นทรัล ผู้รับผิดชอบในการบริการจัดซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับร้านจิฟฟี่ทั้งหมด 146 แห่ง รวมถึงการขยายสาขาใหม่ในอนาคตทั้งหมดภายในปั๊มปตท. ซึ่งคิดเป็นมูลค่าสินค้าทั้งหมด มากกว่า 2,300 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นสินค้าประมาณ 60% จากทั้งหมด 4,500 เอสเคยู โดยมีสัญญาณ 3 ปี ส่วนสินค้าเฟรชฟู้ดนั้นยอดขาย30% ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับซัปพลายเออร์อยู่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญเหมือนกัน เพราะมีมาร์จิ้นสูงกว่า 30-50%
**เซนทรัลลุ้นยกทัพเข้าปตท.**
อย่างไรก็ตาม เซ็นทรัลจะสามารถต่อยอดธุรกิจใหม่จากความร่วมมือครั้งนี้หรือไม่ นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัทแม่ของเซ็นทรัลฟู้ดรีเทล กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับความกรุณาของพีทีทีอาร์เอ็มเป็นหลัก เราก็มีความพร้อม เพราะเป็นนโยบายของเราอยู่แล้วที่จะเติบโตด้วยการขยายธุรกิจเองกับการขยายร่วมกับพันธมิตร ซึ่งการที่ท็อปส์มารับบริหารจัดซื้อสินค้าให้กับจิฟฟี่ก็ถือเป็นความร่วมมือเริ่มต้นที่ดี
ทางด้านดร.กฤษณะพล กล่าวเสริมว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทในเครือเซ็นทรัลคือ ซีเอ็มจี เป็นธุรกิจเกี่ยวกับแฟชั่นเสื้อผ้า ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเปิดเป็นชอปแฟชั่นในปั๊มหรือพื้นที่ใกล้กับจิฟฟี่ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า แต่ยังไม่สรุป
**เซเว่นฯเกทับคุยระดับใหญ่กว่า**
ขณะที่นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ผู้บริหารระดับสูงของปตท. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ พีทีทีอาร์เอ็ม เพื่อหาทางขยายธุรกิจและความร่วมมือซึ่งกันและกัน โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับทั้งคู่ในด้านธุรกิจค้าปลีก อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถสรุปการเจรจาได้ภายใน 3 เดือนนับจากนี้
“ข้อเสนอที่เรายื่นไปให้กับปตท.นั้น หลักๆคือ การทำให้ปตท.เติบโตมากขึ้นในแง่ค้าปลีกที่ไม่ใช่น้ำมัน รวมทั้งได้นำเสนอธุรกิจในกลุ่มของเซเว่นฯเข้าไปเปิดกับเซเว่นฯในปั๊มปตท.มากขึ้น เพื่อสร้างแม็กเน็ตดึงคน ไม่ว่าจะเป็น ร้านเซเว่นฯ ร้านคัดสรร ร้านกาแฟยูริ ร้านหนังสือบุ๊คสไมล์ รวมไปถึงร้านเอ็กต้า(ร้านจำหน่ายสินค้าสุขภาพและความงาม)”
ปัจจุบันเซเว่นฯมีร้านในปั๊มปตทแล้ว 700 กว่าสาขา จากจำนวนปั๊มของปตท.ทั้งหมดกว่า 1,200 แห่ง ซึ่งมีเป้าหมายที่จะขยายให้ครบก่อนหมดสัญญาอีก 4 ปี ซึ่งการที่จิฟฟี่ไปร่วมมือกับทางเซ็นทรัลก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเรา เราก็เดินหน้าธุรกิจในส่วนของเราไป และเราเองก็เก่งเรื่องอาหารอยู่แล้วด้วย” นายปิยะวัฒน์กล่าว
