xs
xsm
sm
md
lg

ฟาสต์แทรกอืด “กรณ์” เตรียมขันนอต 6 แบงก์รัฐ 9 ก.ย.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รมว.คลัง กำชับ 6 แบงก์รัฐ เร่งปล่อยสินเชื่อฟาสต์แทรก 9 แสนล้าน เตรียมเรียกผู้บริหารติดตามประเมินผล 9 ก.ย.นี้ เตรียมงัดสารพัดวิธีเพื่อให้ประชาชนรับรู้และเข้าถึงสินเชื่อ

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เปิดเผยว่า หลังจากธนาคารของรัฐได้เริ่มปล่อยสินเชื่ออนุมัติด่วน Fast Track (ฟาสแทรก) มาแล้ว 1 สัปดาห์แล้ว นับว่าได้รับความสนใจจากทั้งประชาชนรายย่อยและผู้ประกอบการ เพื่อติดตามและประเมินผลการปล่อยสินเชื่อให้ได้ตามเป้าหมาย ในวันที่ 9 กันยายน 2552 กระทรวงการคลัง จะเรียกประชุมสถาบันการเงินของรัฐจำนวน 6 แห่ง ที่ร่วมโครงการปล่อยสินเชื่อฟาสต์แทรก ให้ปล่อยสินเชื่อไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 9 แสนล้านบาท ภายในปี 2552 จากเป้าเดิมที่ 600,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 6 แห่ง ดังกล่าว ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ Exim Bank และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

แต่เพื่อให้ประชาชนทราบโครงการมากขึ้น จะกำชับให้สถาบันการเงินของรัฐทุกแห่งให้เร่งทำการประชาสัมพันธ์โครงการสินเชื่อฟาสต์แทรกให้ประชาชนรับทราบ โดยเฉพาะรายละเอียดโครงการสินเชื่อในแต่ละแห่งว่ามีประเภทอะไรบ้าง มีการกำหนดเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อไว้อย่างไร เพื่อให้ประชาชนรับรู้และเข้าถึงสินเชื่อได้ เช่น การปล่อยสินเชื่อฟาสต์แทรก อนุมัติสินเชื่อบุคคลภายใน 3 วัน สินเชื่อเพื่อการส่งออกทราบผลภายใน 21 วัน

สำหรับความเสียหายจากสินเชื่อฟาสต์แทรกนั้น ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการเป็นธนาคารของรัฐอยู่แล้ว กระทรวงการคลังต้องรับผิดชอบ จึงไม่จำเป็นต้องชดเชยให้ เพียงแต่ทำการแยกทำบัญชีเพื่อบริการสาธารณะ (พีเอสเอ) โดยโครงการที่ขอเงินชดเชยมีเพียงโครงการประกันราคาพืชผลของธนาคารเพี่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

สำหรับการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในส่วนวงเงินที่เหลืออีก 1 แสนล้านบาท จะสรุปการคัดเลือกโครงการของหน่วยงานต่างๆ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในเร็วๆ นี้ ส่วนหนึ่งจะจัดสรรให้โครงการประกันราคาพืชผล โครงการบ้านมั่นคง จัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจ่ายในโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และโครงการลงทุนต่างๆ จึงคาดว่า เม็ดเงินลงทุนจากโครงการไทยเข้มแข็ง จำนวน 3 แสนล้านบาท จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ร้อยละ 90 ภายในปี 2553 ส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจขยายตัวได้เพิ่มขึ้น

สำหรับการประชุมผู้นำจี 20 ในปลายเดือนกันยายน 2552 นี้ จะมีการหารือถึงบทบาทภาครัฐในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ เพราะแม้ว่าเศรษฐกิจจะมีสัญญาณเชิงบวกแล้ว แต่ความเป็นเอกภาพในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจในแต่ละประเทศต่อเศรษฐกิจโลกก็มีความสำคัญ รวมถึงการกำหนดนโยบายที่มุ่งสู่อนาคต เมื่อเศรษฐกิจพ้นวิกฤตแล้ว จะรักษาเสถียรภาพต่อไปได้อย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น