xs
xsm
sm
md
lg

แสนสิริเดินหน้ารุกอสังหาฯนอก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อสังหาฯรายใหญ่-กลาง หวังโกอินเตอร์ขุดทองต่างประเทศ ตามรอย “ทีซีซีแลนด์ฯ”แสนสิริ เผยนโยบายลุยตลาดต่างประเทศ เน้นเทกโอเวอร์อสังหาริมทรัพย์มือสองให้ผลตอบแทนสูง ปรับปรุงใหม่ขายเศรษฐีไทย หลังตั้งบริษัทลูกเทกโอเวอร์ห้องชุดมือสองในอังกฤษปรังปรุงใหม่ขายเศรษฐีไทยที่ต้องการมีทรัพย์สินในต่างประเทศ พร้อมเผยแนวทางลงทุนประเทศที่มีความแข็งแกร่งด้านกฎหมายและตลาดลงทุนเอง ส่วนประเทศที่มีความเสี่ยงต้องหาพันธมิตรร่วม

จากปัญหาวิกฤตการเงินโลกที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาส่งผลต่อภาคธุรกิจทุกภาคส่วนทั่วโลก โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และค่าเงินของแต่ละประเทศทั่วโลกปรับตัวลดลง จากผลกระทบในด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ มองหาช่องทางการลงทุนและทำตลาดใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

โดยก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายๆ ราย ทั้งรายใหญ่และรายกลาง เช่น กลุ่มบริษัท ทีซีซี แลนด์แคปปิตอล จำกัด บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ได้เริ่มศึกษาการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ เช่น ประเทศอินเดีย มาเลเซีย เวียดนาม สหรัฐอเมริกา และประเทศอังกฤษ เพื่อหาช่องทางการเข้าไปลงทุน

ล่าสุดบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทลูกในประเทศ สิงคโปร์ และได้เข้าไปซื้อห้องชุดในประเทศอังกฤษ และปรับปรุงใหม่เพื่อขาย ให้กลุ่มเศรษฐีในประเทศที่ต้องการมีทรัพย์สินในประเทศอังกฤษ ซึ่งมูลค่าห้องชุดที่เข้าไปซื้อเพื่อลงทุนในประเทศอังกฤษ มีมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาทเศษ นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริได้ทำการศึกษาตลาดในหลายๆ ประเทศ เพื่อหาช่องทางการเข้าไปลงทุน โดยนโยบายการลงทุนของบริษัทแสนสิริในต่างประเทศนั้นจะเน้นในเรื่องของการ เข้าเทกโอเวอร์อาคารเก่า และอสังหาริมทรัพย์แนวราบมือสองเพื่อปรับปรุงก่อนที่จะนำออกเสอนขาย โดยจะไม่เน้นการเข้าซื้อที่ดินเปล่าแล้วพัฒนาขาย เนื่องจากความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ฯ ในประเทศต่างๆมีความแตกต่างกัน ซึ่งบริษัทยังไม่แน่ใจว่ามีความเชี่ยวชาญเทียบเท่ากับผู้ประกอบการท้องถิ่นหรือไม่

ขณะเดียวกัน บริษัทยังเน้นเรื่องของผลตอบแทนจากธุรกิจที่เข้าไปลงทุนด้วย ทั้งนี้สาเหตุที่บริษัทเข้าไปซื้อทรัพย์มือสองเพื่อปรับปรุงขาย ในประเทศอังกฤษ เนื่องจากประเทศอังกฤษเป็นประเทศที่มีความพร้อมและมีกฎหมายด้านอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันตลาดอสังหาริมทรัพย์เองก็มีความแข็งแกร่ง มากกว่าประเทศอื่นๆ

“ แสนสิริเข้าไปลงทุนในประเทศอังกฤษ เห็นถึงช่องทางและโอกาสทางการตลาด และการลงทุนที่จะให้ผลตอบแทนที่ดี จากการที่ค่าเงินปอนด์ของประเทศอังกฤษอ่อนค่าลง ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น การลงทุนในช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่เหมาะสม หากค่าเงินปอนด์ดีดตัวกลับตามภาวะเศรษฐกิจโลก ก็จะทำให้มูลค่าทรัพย์ที่ลงทุนไว้ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ผลตอบแทนจากการลงทุนก็จะปรับสูงขึ้นด้วย”

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศของแสนสิรินั้น ยังคงถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ซึ่งแสนสิริ ยังคงมีแนวทางการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่การลงทุนนั้นจะต้องตั้งอยู่บนนโยบายที่วางไว้ทั้ง 2 แนวทาง โดยขณะนี้ยังคงมองหาโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประเทศเวียดนาม สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย สิงค์โปร ฮ่องกง และจีน

สำหรับประเทศที่มีตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่งและมีกฎหมายดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดี และมีความเสี่ยงน้อย นั้นแสนสิริจะเข้าไปลงทุนโดยตรง เช่นประเทศ อังกฤษ สหรัฐฯ แต่ในส่วนประเทศที่ยังมีความเสี่ยง จากกฎหมายและการเมือง และนโยบายของรัฐบาลในประเทศนั้นๆ บริษัทจะต้องพิจารณาให้มาก การลงทุนอาจจะต้องจับมือหรือหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ และในการร่วมลงทุนด้วย เช่นประเทศจีน เวียดนาม และ มาเลเซีย

“แน่นอนว่าในประเทศที่มีความแข็งแกร่ง ทั้งด้านตลาด กฎหมายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่างอังกฤษ ซึ่งไม่มีการปิดประเทศมานานแล้วนั้น แสนสิริจะไปลงทุนโดยตรง แต่ในประเทศที่มีความเสี่ยง เช่น มาเลเซีย จีน ซึ่งมีโอกาสปิดประเทศในกรณีที่เกิดปัญหาการเมือง หรือมีแนวนโนบายจากรัฐบาลอาจจะต้องหาพันธมิตรไปด้วย”

ส่วนแผนการลงทุนพัฒนาโครงการในช่วงครึ่งปีหลังนั้น นายอภิชาติ กล่าวว่า บริษัทยังคงจะขยายโครงการใหม่เพิ่มโดยคาดว่าจะซื้อที่ดินใหม่เพื่อพัฒนาโครงการเข้ามาอีกประมาณ 4-5 แปลง แต่หากเศรษฐกิจปรับตัวเร็ว ปัญหาความรุนแรงทางการเมืองนิ่งและตลาดมีทิศทางที่ดีอย่างชัดเจน บริษัทจะลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าโดยอาจจะซื้อที่ดินเข้ามารอพัฒนาเพิ่มเป็น 8-10 แปลง ขณะที่ในปี 53 บริษัทคาดว่าจะเปิดตัวโครงการใหม่ไม่น้อยกว่า 19 โครงการเท่ากับปีนี้หรืออาจจะสูงกว่า เพื่อรองรับอัตราการเติบโตของยอดขาย โดยตั้งเป้าว่าจะยังมียอดขายที่ 17,000-18,000 ล้านบาท และอาจจะปรับเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาด

“ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แสนสิริ ได้ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ประมาณ 17,000 ล้านบาท แต่เมื่อช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 ล้านบาท หลังจากทิศทางและแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น”
กำลังโหลดความคิดเห็น