3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ เล็งยื่นกระทรวงอุตสาหกรรมขอผ่อนเกณฑ์บ้านบีโอไอ 4 ข้อ ให้ครอบคุมทั่วประเทศ และขยายราคาห้องชุดเพิ่มจาก1 ล้านบาทเป็น 1.2 ล้านบาท ช่วยผู้บริโภคซื้อห้องชุดในเขตเมืองมาก ด้านศุภาลัยเล็งลงทุนปีหน้าทั้งคอนโดฯและทาวน์เฮาส์ พร้อมเปิดแผน โค้งสุดท้ายของปีลุยเปิด 8 โครงการ ฟุ้ง 8 เดือนยอดขายกว่า 7,000 ล้านบาท
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทยและกรรมการรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ ในนาม 3 สมาคมหลัก ประกอบด้วยสมาคมอาคารชุดไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย จะทำหนังสือถึงนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อขอให้ปรับหลักเกณฑ์การก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลาง และรายได้น้อยหรือบ้านบีโอไอ
โดยขอผ่อนคลายใน 4 ประเด็นหลักคือ 1. ให้ขยายพื้นที่ส่งเสริมบ้านบีโอไอให้ครอบคลุมทั่วประเทศจากเดิมให้ลงทุนในบางพื้นที่ 2. ในส่วนห้องชุดให้สามารถคละห้องได้ทั้งขนาดที่เท่ากับเกณฑ์บีโอไอคือ 28 ตารางเมตร (ตรม.) เพราะห้องชุดในแต่ละโครงการจะมีพื้นที่ห้องหัวมุม หรือห้องกลางที่มีขนาดพื้นที่มากจนไม่สามารถขายในราคาที่บีโอไอกำหนดได้ 3.ขยายราคาห้องชุดจาก 1 ล้านบาทเป็น 1.2 ล้านบาทเท่ากับบ้านและทาวน์เฮาส์เพราะห้องชุดราคา 1 ล้านบาทส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพรอบนอกที่มีบ้านเอื้ออาทรเป็นทางเลือกอยู่แล้วแต่หากขยับราคาเพิ่มจะได้โครงการที่อยู่ใจกลางเมืองมากขึ้น และ 4 .กรณีอาคารชุดให้สามารถขายได้ก่อนยื่นขอบีโอไอ เพราะในทางปฏิบัติผู้ประกอบการขายห้องชุดก่อนขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินจึงจะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ แต่หากใช้เกณฑ์ของบีโอไอ จะต้องสร้างเสร็จก่อนขายซึ่งต้องใช้เงินลงทนสูงมาก
“นอกจากนี้ ทาง3สมาคมยังจะยื่นเรื่องไปยังสภาหอการค้าไทย เพื่อให้ประธานสภาหอการค้านำไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐเอกชน (กรอ.) เพื่อเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรอ. รับทราบด้วยเกณฑ์เดิมที่ได้รับการผ่อนคลายยังมีบางเรื่องที่เป็นอุปสรรค เช่น ราคาของอาคารชุดราคา 1 ล้านจะอยู่เขตกรุงเทพรอบนอก แต่ผู้ที่อยู่อาคารชุดต้องการจะอยู่ในเมือง หากขยายเพิ่มเป็น 1.2 ล้านบาทจะได้โครงการอาคารชุดในเขตเมืองที่ช่วยทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นและยังช่วยประหยัดค่าเดินทางได้" นายอธิป กล่าว
นายอธิป กล่าวว่า ทางบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาทาวน์เฮาส์และอาคารชุดบีโอไอออกสู่ตลาดด้วยในปีหน้าส่วนแผนงานใน 4 เดือนสุดท้ายมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 8 โครงการมูลค่ากว่า 8 พันล้านเพราะเชื่อว่าขณะนี้เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้นแล้วและภาคอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นเช่นเดียวกันเห็นได้จากยอดขายของบริษัทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกเดือน
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีบริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่มากถึง 8 โครงการ มูลค่าเกือบ 8,000 ล้านบาท ทำให้ในปีนี้บริษัทเปิดโครงการใหม่ 11-12 โครงการ จากแผนเดิมเปิดเพียง 9 โครงการ เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์ด้านการขายมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา ซึ่งเป็นอานิสงค์มาจากการเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการรายกลางรายย่อย จนไม่สามารถเปิดโครงการใหม่ได้ ทำให้ผู้บริโภคหันมาซื้อบ้านจากผู้ประกอบการรายใหญ่แทน
ล่าสุดได้ร่วมกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในการร่วมมือวางระบบโทรคมนาคมแบบครบวงจรในโครงการที่อยู่อาศัยของศุภาลัยทุกโครงการภายใต้แคมเปญ “นวัตกรรมการให้บริการสื่อสารล้ำสมัย” อาทิ โทรศัพท์พื้นฐาน ไฮสปีดอินเทอร์เน็ต และบริการเสริมต่างๆ พร้อมเตรียมออกโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าศุภาลัย
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทยและกรรมการรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ ในนาม 3 สมาคมหลัก ประกอบด้วยสมาคมอาคารชุดไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย จะทำหนังสือถึงนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อขอให้ปรับหลักเกณฑ์การก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลาง และรายได้น้อยหรือบ้านบีโอไอ
โดยขอผ่อนคลายใน 4 ประเด็นหลักคือ 1. ให้ขยายพื้นที่ส่งเสริมบ้านบีโอไอให้ครอบคลุมทั่วประเทศจากเดิมให้ลงทุนในบางพื้นที่ 2. ในส่วนห้องชุดให้สามารถคละห้องได้ทั้งขนาดที่เท่ากับเกณฑ์บีโอไอคือ 28 ตารางเมตร (ตรม.) เพราะห้องชุดในแต่ละโครงการจะมีพื้นที่ห้องหัวมุม หรือห้องกลางที่มีขนาดพื้นที่มากจนไม่สามารถขายในราคาที่บีโอไอกำหนดได้ 3.ขยายราคาห้องชุดจาก 1 ล้านบาทเป็น 1.2 ล้านบาทเท่ากับบ้านและทาวน์เฮาส์เพราะห้องชุดราคา 1 ล้านบาทส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพรอบนอกที่มีบ้านเอื้ออาทรเป็นทางเลือกอยู่แล้วแต่หากขยับราคาเพิ่มจะได้โครงการที่อยู่ใจกลางเมืองมากขึ้น และ 4 .กรณีอาคารชุดให้สามารถขายได้ก่อนยื่นขอบีโอไอ เพราะในทางปฏิบัติผู้ประกอบการขายห้องชุดก่อนขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินจึงจะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ แต่หากใช้เกณฑ์ของบีโอไอ จะต้องสร้างเสร็จก่อนขายซึ่งต้องใช้เงินลงทนสูงมาก
“นอกจากนี้ ทาง3สมาคมยังจะยื่นเรื่องไปยังสภาหอการค้าไทย เพื่อให้ประธานสภาหอการค้านำไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐเอกชน (กรอ.) เพื่อเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรอ. รับทราบด้วยเกณฑ์เดิมที่ได้รับการผ่อนคลายยังมีบางเรื่องที่เป็นอุปสรรค เช่น ราคาของอาคารชุดราคา 1 ล้านจะอยู่เขตกรุงเทพรอบนอก แต่ผู้ที่อยู่อาคารชุดต้องการจะอยู่ในเมือง หากขยายเพิ่มเป็น 1.2 ล้านบาทจะได้โครงการอาคารชุดในเขตเมืองที่ช่วยทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นและยังช่วยประหยัดค่าเดินทางได้" นายอธิป กล่าว
นายอธิป กล่าวว่า ทางบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาทาวน์เฮาส์และอาคารชุดบีโอไอออกสู่ตลาดด้วยในปีหน้าส่วนแผนงานใน 4 เดือนสุดท้ายมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 8 โครงการมูลค่ากว่า 8 พันล้านเพราะเชื่อว่าขณะนี้เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้นแล้วและภาคอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นเช่นเดียวกันเห็นได้จากยอดขายของบริษัทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกเดือน
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีบริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่มากถึง 8 โครงการ มูลค่าเกือบ 8,000 ล้านบาท ทำให้ในปีนี้บริษัทเปิดโครงการใหม่ 11-12 โครงการ จากแผนเดิมเปิดเพียง 9 โครงการ เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์ด้านการขายมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา ซึ่งเป็นอานิสงค์มาจากการเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการรายกลางรายย่อย จนไม่สามารถเปิดโครงการใหม่ได้ ทำให้ผู้บริโภคหันมาซื้อบ้านจากผู้ประกอบการรายใหญ่แทน
ล่าสุดได้ร่วมกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในการร่วมมือวางระบบโทรคมนาคมแบบครบวงจรในโครงการที่อยู่อาศัยของศุภาลัยทุกโครงการภายใต้แคมเปญ “นวัตกรรมการให้บริการสื่อสารล้ำสมัย” อาทิ โทรศัพท์พื้นฐาน ไฮสปีดอินเทอร์เน็ต และบริการเสริมต่างๆ พร้อมเตรียมออกโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าศุภาลัย
