ธปท.โต้บทวิเคราะห์ ฟิทช์ เรตติ้ง ยันระบบแบงก์ไทย ยังมีฐานะแข็งแกร่ง มั่นใจยอด "เอ็นพีแอล" สิ้นปี 52 ไม่สูงถึง 10% ตามที่ประเมิน พร้อมแจงรายละเอียด สินเชื่อและธุรกรรมของระบบแบงก์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่บริษัทแม่ ประมาณ 6-7 ล้านล้านบาท แต่บริษัทแม่จะปล่อยกู้ให้บริษัทลูก แค่ 2-3 แสนล้านบาท ยืนยัน แบงก์ลงทุนในธุรกิจลิสซิ่งไม่มาก และไม่ได้ปล่อยกู้ให้บริษัทหลักทรัพย์ ดังนั้น จึงไม่น่ามีปัญหา
นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงเสถียรภาพของระบบธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศ โดยไม่เชื่อว่า ยอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งรวมบริษัทลูกของไทย ภายในสิ้นปีนี้ จะมีสูงถึง 10% ตามที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประเมินไว้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) ในระบบธนาคารพาณิชย์ รวมบริษัทลูก มีสูงถึง 15.9% และเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 ถึง 12.4% สามารถรองรับเอ็นพีแอลทั้งระบบได้ โดยไม่น่ามีปัญหา
นอกจากนี้ ธปท.ได้กำหนดให้ ธนาคารพาณิชย์ ตั้งสำรองหนี้ต่อเอ็นพีแอลทั้งระบบ รวมถึงบริษัทลูก ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้ ธปท.สามารถจะมาวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ได้ชัดเจน
"สินเชื่อและธุรกรรมของระบบแบงก์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่บริษัทแม่ ประมาณ 6-7 ล้านล้านบาท แต่บริษัทแม่จะปล่อยกู้ให้บริษัทลูก แค่ 2-3 แสนล้านบาท และแบงก์ก็มีการลงทุนในธุรกิจลิสซิ่งไม่มาก และไม่ได้ปล่อยกู้ให้บริษัทหลักทรัพย์ ดังนั้น ยืนยันไม่น่ามีปัญหา"
ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. ยังกล่าวปฏิเสธข่าวว่า ธปท.ไม่อนุมัติให้ ธนาคารธนชาต ดำเนินธุรกิจบัตรเครดิต โดยกล่าวว่า เรื่องดังกล่าว เป็นการตัดสินใจของธนาคารที่จะชะลอการทำธุรกรรมธุรกิจบัตรเครดิต ซึ่งได้พิจารณาตามควาเหมาะสม ไม่ได้ถูก ธปท.ไม่อนุมัติ และขอยืนยันว่า ธปท.ไม่มีนโยบายที่จะปิดกั้นการดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิชย์
