ผู้บริหาร ปตท.ชี้ ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ยังไม่ขยับขึ้นใน 1-2 วันนี้ เพราะค่าการตลาดยังทรงตัวที่ 1 บาทกว่าๆ พร้อมคาดการณ์กำไรปีนี้ ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจน้ำมันและก๊าซ พร้อมการันตี ผลกำไร Q2/52 ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้แน่ เพราะเริ่มมีกำไรจากสตอกน้ำมัน และส่วนต่างราคาก๊าซ
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันล่าสุด โดยระบุว่า แม้ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้จะขยับขึ้นมาเคลื่อนไหวเข้าใกล้ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่เชื่อว่าภายใน 1-2 วันนี้ ราคาขายปลีกในประเทศจะยังไม่ขยับขึ้นจากระดับปัจจุบัน เพราะค่าการตลาดยังทรงตัวอยู่ในระดับลิตรละกว่า 1 บาท
ทั้งนี้ มองว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ยังเป็นภาวะที่ค่อนข้างผันผวน และไม่เชื่อว่าจะสามารถพุ่งขึ้นยืนอยู่เหนือ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไปได้ยาวนานจนถึงสิ้นปี โดยอาจจะพุ่งแตะระดับดังกล่าวได้ในระยะสั้นๆ เท่านั้น โดยขณะนี้ยังคงประเมินราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำหรับผลประกอบการของ ปตท.ก็ยังคงคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยขณะนี้ภาครัฐได้ทยอยชดเชยภาระขาดทุนจากการตรึงราคาจำหน่ายก๊าซหุงต้ม (LPG) แล้วเดือนละประมาณ 400-500 ล้านบาท ทำให้ภาระขาดทุนสะสมดังกล่าวลดลงเหลือ 5-6 พันล้านบาท จากเดิม 8-9 พันล้านบาท ช่วยให้บริษัทมีกระแสเงินสดที่ดีขึ้น ส่วนการชดเชยก๊าซ NGV คาดว่ารัฐบาลจะมีการพิจารณาในเร็วๆ นี้
โดยคาดการณ์ผลกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2552 เชื่อว่า ดีกว่าที่ตลาดคาดเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก แต่ยังลดลง เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ครึ่งแรกปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 3.2 หมื่นล้านบาท ลดลง 43% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ 7.1 แสนล้านบาท ลดลง 41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนแนวโน้มครึ่งหลังของปีนี้ เชื่อว่า รายได้จะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 60-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากครึ่งแรกที่เฉลี่ย 52 ดอลลาร์สหรัฐฯ และค่าการกลั่นที่ดีขึ้นจาก 3.2 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาเป็น 2-4 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่คงยากที่จะทำให้รายได้กลับไปเท่าหรือสูงกว่าปีก่อนที่มีค่าเฉลี่ยราคาน้ำมันที่ 97-98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และค่าการกลั่น 5-6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และรองผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า อัตรากำไรสุทธิของบริษัทคาดว่าจะสูงกว่าปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 2.5% เพราะธุรกิจของ ปตท. มีกำไรหลักมาจากธุรกิจก๊าซ ที่แม้จะขึ้นลงตามราคาน้ำมัน แต่ช้ากว่า ทำให้ครึ่งแรกปีนี้เมื่อราคาน้ำมันลดลงมาจากปีก่อน ราคาก๊าซยังขึ้นอยู่ ทำให้อัตรากำไรของบริษัทดี โดยคาดว่าราคาก๊าซจะลดลงช่วงปลายปี
นอกจากนั้น ในปี 2552 ปตท.ไม่มีขาดทุนสตอกน้ำมัน จากไตรมาส 4 ปีก่อน บริษัทรับรู้ผลขาดทุนจากสตอกน้ำมันทำให้ผลประกอบการไตรมาส 4 ขาดทุนสุทธิ 2.2 หมื่นล้านบาท แต่ปีนี้จะมีกำไรจากสตอกน้ำมัน
