นายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลอนุมัติงบประมาณประจำปี 3,700 ล้านบาท ทำให้ กคช.สภาพคล่องดีขึ้นและสามารถนำไปใช้ชำระหนี้ที่เกิดจากการดำเนินงานและชำระหนี้ดอกเบี้ยส่วนเกินประมาณการณ์ โดยเงินดังกล่าวจะสามารถเบิกจ่ายได้ในปีงบประมาณ 2553
สำหรับงบประมาณที่ได้รับช่วยลดภาระหนี้สินได้จำนวนมาก ทำให้กคช.สามารถดำเนินธุรกิจในเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้และหากำไรให้แก่องค์กร โดยกคช.จะสามารถขอสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายได้ ทั้งนี้ ในปลายปีงบประมาณ 53 การเคหะฯ มีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการ ซึ่งได้แก่ 1.โครงการย่านวัดกู้ แจ้งวัฒนะบนที่ดินจำนวน 30 ไร่ พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม ประมาณ 2,000 หน่วย ระดับราคา 8 แสนบาท - 1.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท
2.โครงการร่มเกล้า เนื้อที่ 600 ไร่ พัฒนาที่อยู่อาศัยประมาณ 2,000 หน่วย ประกอบด้วย บ้านเดี่ยวและคอนโดฯ โดยในเบื้องต้นจะพัฒนาบ้านเดี่ยวประมาณ 1,000 หน่วย ในระดับราคา 3.5-4 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท หลังจากนั้น อีก 2-3 ปี จึงจะเริ่มพัฒนาคอนโดฯ และ 3.โครงการประชานิเวศน์ ซ.สามัคคี เนื้อที่ 10 ไร่ พัฒนาในรูปแบบคอนโดฯจำนวน 1,000 หน่วย ขนาดพื้นที่ 35 ตร.ม.ระดับราคา 1.5 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ทั้ง 3 โครงการดังกล่าวจะสามารถเปิดขายได้ประมาณปลายปีนี้ รวมมูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท โดยจะทยอยลงทุนไปเรื่อยๆ ซึ่งเม็ดเงินลงทุนเบื้องต้นประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจะเป็นเงินงบประมาณปี 2553 และกู้เงินจากสถาบันการเงินมาเสริม
“การเคหะฯจะเริ่มพัฒนาโครงการเพื่อสร้างกำไร โดยทั้ง 3 โครงการจะเป็นระดับกลางขึ้นไป ทำให้อาจต้องสร้างแบรนด์ขึ้นมาใหม่ เพื่อลดภาพของบ้านการเคหะฯลง
สำหรับงบประมาณที่ได้รับช่วยลดภาระหนี้สินได้จำนวนมาก ทำให้กคช.สามารถดำเนินธุรกิจในเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้และหากำไรให้แก่องค์กร โดยกคช.จะสามารถขอสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายได้ ทั้งนี้ ในปลายปีงบประมาณ 53 การเคหะฯ มีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการ ซึ่งได้แก่ 1.โครงการย่านวัดกู้ แจ้งวัฒนะบนที่ดินจำนวน 30 ไร่ พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม ประมาณ 2,000 หน่วย ระดับราคา 8 แสนบาท - 1.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท
2.โครงการร่มเกล้า เนื้อที่ 600 ไร่ พัฒนาที่อยู่อาศัยประมาณ 2,000 หน่วย ประกอบด้วย บ้านเดี่ยวและคอนโดฯ โดยในเบื้องต้นจะพัฒนาบ้านเดี่ยวประมาณ 1,000 หน่วย ในระดับราคา 3.5-4 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท หลังจากนั้น อีก 2-3 ปี จึงจะเริ่มพัฒนาคอนโดฯ และ 3.โครงการประชานิเวศน์ ซ.สามัคคี เนื้อที่ 10 ไร่ พัฒนาในรูปแบบคอนโดฯจำนวน 1,000 หน่วย ขนาดพื้นที่ 35 ตร.ม.ระดับราคา 1.5 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ทั้ง 3 โครงการดังกล่าวจะสามารถเปิดขายได้ประมาณปลายปีนี้ รวมมูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท โดยจะทยอยลงทุนไปเรื่อยๆ ซึ่งเม็ดเงินลงทุนเบื้องต้นประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจะเป็นเงินงบประมาณปี 2553 และกู้เงินจากสถาบันการเงินมาเสริม
“การเคหะฯจะเริ่มพัฒนาโครงการเพื่อสร้างกำไร โดยทั้ง 3 โครงการจะเป็นระดับกลางขึ้นไป ทำให้อาจต้องสร้างแบรนด์ขึ้นมาใหม่ เพื่อลดภาพของบ้านการเคหะฯลง