วิจัย"ไนท์แฟรงค์ฯ"ชี้คอนโดฯเปิดใหม่ทั้งปีในกรุงเทพฯลดลง15-20% หลังมีสัญญาณลบติดต่อมา 3 ไตรมาส ระบุไตรมาส 3 คอนโดฯเปิดใหม่อัตราลดลง 35.2% ส่งผลดีให้อุปทานสะสมชะลอตัวรวมมีทั้งสิ้น 73,598 ยูนิต ส่วนจำนวนยอดขายมีอัตราลดลง 32.2% ขณะที่ราคาขายต่อตร.ม.เพิ่มขึ้น 6.8%
บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ออกบทวิจัยเกี่ยวกับตลาดคอนโดมิเนียมว่า จำนวนคอนโดฯเปิดตัวใหม่ในกรุงเทพฯในช่วงไตรมาส 3 ของปี 51 มีอัตราลดลง 35.2% หรือมีจำนวนอยู่ที่ 3,744 ยูนิต เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ( 5,778 ยูนิต) และลดลง 23.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ( 4,904 ยูนิต) ของปีเดียวกัน ซึ่งปัจจัยสำคัญเกิดจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และผลรวมตั้งแต่ 3 ไตรมาสที่คอนโดฯเปิดตัวลดลง ทำให้อุปทานสะสมของคอนโดฯในไตรมาส 3 อยู่ที่ 73,598 ยูนิต
สำหรับเปอร์เซ็นต์เฉลี่ยของจำนวนยอดขายเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตที่เปิดตัวใหม่อยู่ที่ 81% ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์เดียวกันกับในไตรมาสที่ 2 ของปี51 จำนวนยอดขายทั้งหมดลดลงจาก 4,507 ยูนิต ในไตรมาสที่ 1 มาอยู่ที่ 3,972 ยูนิต ในไตรมาสที่ 2 สำหรับในไตรมาสที่ 3 จำนวนยอดขายลดลงมาอยู่ที่ 3,057 ยูนิต หรือยอดขายมีอัตราลดลง 32.2% และ 23% ตามลำดับ
บทวิเคราะห์ฯยังระบุว่า แม้ค่าก่อสร้างและค่าวัสดุก่อสร้างมีการปรับราคาลง แต่ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดฯในกรุงเทพฯ ยังคงเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 3 เนื่องจากราคาที่ดินมียังคงปรับตัวขึ้น การลดลงในจำนวนคอนโดฯที่ออกสู่ตลาดและการลดลงของจำนวนยอดขาย ไม่ทำให้ผู้พัฒนาโครงการคอนโดฯเกิดความกดดันที่ต้องลดราคาขายลงมาในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 ดังนั้น ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดฯใหม่ที่ออกสู่ตลาดในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ประมาณ 68,000 บาท ต่อตร.ม.เพิ่มขึ้น 6.8% จากไตรมาสที่ 1
อย่างไรก็ตาม เมื่อแนวโน้มของตลาดคอนโดฯเริ่มเติบโตลดลงนั้น ทางไนท์แฟรงค์คาดว่า อุปทานใหม่ของตลาดคอนโดฯในกรุงเทพฯ ตลอดทั้งปีลดลงประมาณ 15 – 20% ส่วนจำนวนยอดขายในช่วงปลายปี 2551 คาดว่าจะมีจำนวนลดลง
บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ออกบทวิจัยเกี่ยวกับตลาดคอนโดมิเนียมว่า จำนวนคอนโดฯเปิดตัวใหม่ในกรุงเทพฯในช่วงไตรมาส 3 ของปี 51 มีอัตราลดลง 35.2% หรือมีจำนวนอยู่ที่ 3,744 ยูนิต เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ( 5,778 ยูนิต) และลดลง 23.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ( 4,904 ยูนิต) ของปีเดียวกัน ซึ่งปัจจัยสำคัญเกิดจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และผลรวมตั้งแต่ 3 ไตรมาสที่คอนโดฯเปิดตัวลดลง ทำให้อุปทานสะสมของคอนโดฯในไตรมาส 3 อยู่ที่ 73,598 ยูนิต
สำหรับเปอร์เซ็นต์เฉลี่ยของจำนวนยอดขายเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตที่เปิดตัวใหม่อยู่ที่ 81% ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์เดียวกันกับในไตรมาสที่ 2 ของปี51 จำนวนยอดขายทั้งหมดลดลงจาก 4,507 ยูนิต ในไตรมาสที่ 1 มาอยู่ที่ 3,972 ยูนิต ในไตรมาสที่ 2 สำหรับในไตรมาสที่ 3 จำนวนยอดขายลดลงมาอยู่ที่ 3,057 ยูนิต หรือยอดขายมีอัตราลดลง 32.2% และ 23% ตามลำดับ
บทวิเคราะห์ฯยังระบุว่า แม้ค่าก่อสร้างและค่าวัสดุก่อสร้างมีการปรับราคาลง แต่ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดฯในกรุงเทพฯ ยังคงเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 3 เนื่องจากราคาที่ดินมียังคงปรับตัวขึ้น การลดลงในจำนวนคอนโดฯที่ออกสู่ตลาดและการลดลงของจำนวนยอดขาย ไม่ทำให้ผู้พัฒนาโครงการคอนโดฯเกิดความกดดันที่ต้องลดราคาขายลงมาในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 ดังนั้น ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดฯใหม่ที่ออกสู่ตลาดในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ประมาณ 68,000 บาท ต่อตร.ม.เพิ่มขึ้น 6.8% จากไตรมาสที่ 1
อย่างไรก็ตาม เมื่อแนวโน้มของตลาดคอนโดฯเริ่มเติบโตลดลงนั้น ทางไนท์แฟรงค์คาดว่า อุปทานใหม่ของตลาดคอนโดฯในกรุงเทพฯ ตลอดทั้งปีลดลงประมาณ 15 – 20% ส่วนจำนวนยอดขายในช่วงปลายปี 2551 คาดว่าจะมีจำนวนลดลง