ธนพัฒฯเบกแผนลงทุนโครงการใหม่ เร่งระบายสต็อกในมือ 700-800 ล้านบาท รักษาสภาพคล่อง มั่นใจสิ้นปีเครียสต็อกทั้งหมด พร้อมปรับรูปแบบวิลล่าหรูหลังละ30ล้านบาทในภูเก็ต รองรับความต้องการกลุ่มลูกค้าเศรษฐี จีน-ฮ่องกง-สิงค์โปร หลังวิกฤติเศรษฐกิจฉุดกำลังซื้อลูกค้ายุโปร –สแกนดิเนเวีย ชะลอการตัดสินใจซืออสังหาฯไทย
นายดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อการชะลอการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในตลาดตั้งแต่ช่วงต้นปี52ที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่ารัฐบาลจะต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาฯตั้งแต่ช่วงต้นปีแต่ผลของมาตรการดังกล่าวยังไม่ส่งผลในทันทีทำให้ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมายอดขายของบริษัทไม่กระเตื้องเท่าที่ควร
ดังนั้น คณะกรรมการบริหารจึงมีมติให้ ธนาพัฒน์ฯ ยืดแผนการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ของปี52ออกไป เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์และรักษาสภาพคล่องของบริษัทให้มีความพร้อมรับมือสถานการณ์ในปัจจุบันทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ธนพัฒน์ฯจะไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่
สำหรับช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมรยอดขายที่อยู่อาศัยของบริษัทเฉลี่ยต่อเดือน 4-5 ยูนิตต่อเดือน ซึ่งถือว่าลดลงไปมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี51 ดังนั้นบริษัทจึงปรับแผนชะลอการพัฒนาโครการใหม่ออกไปและเน้นการาระบายสต็อกบ้านเก่าที่เปิดขายอยู่ 3 โครงการประกอบด้วยโครงการบ้านธนพัฒน์ เฮาส์ พระราม3 โครงการอรุณพัฒน์ฯ พระราม3- สาธุประดิษฐ์ และโครงการธนพัฒน์ 360 พระราม3 โดยในทุกโครงการมียอดขายแล้วเฉลี่ยโครงการละ 60-70% หรือมีสต็อกที่อยู่อาศัยรอขายในมือประมาณ 700-800ล้านบาทจาก3โครงการ
“ธนพัฒน์ฯ จะเร่งระบายสต็อกสินค้าในมือที่มีอยู่700-800ล้านบาทออกให้หมดในปีนี้ ซึ่งจากแนวโน้มการฟื้นตัวและการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในขณะนี้น่าจะทำให้บริษัทสามารถระบายสต็อกเก่าออกไปได้หมดในสินปีนี้ เนื่องจากขณะนี้มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของรัฐบาลเริ่มส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกค้ามากขึ้นแล้ว โดยสามารถวัดได้จากจำนวนยอดขายต่อเดือนที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20-30 ยูนิต ทำให้มั่นใจว่าในสิ้นปีจะสามารถขายบ้านในสต็อกออกไปได้ทั้งหมด”
นอกจากนี้ โครงการบริษัทยังได้ปรับแบบโครงการวิลล่า ในจังหวัดภูเก็ตใหม่เพื่อให้รองรับกลุ่มลูกค้าในแถบเอเชียมากขึ้นจากเดิมที่รูปแบบโครงการจะเน้นจับกลุ่มลูกค้าชาวยุโรป และสแกนดิเนเวีย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าในโซนยุโปรและสแกนดิเนเวียมีจำนวนที่ลดลง และแนวโน้มการตัดสินใจซื้อลดลงไปด้วยเนื่องจากกลุ่มดังกล่าวได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทำให้ลูกค้าจากยุโปร และสแกนดิเนเวียชะลอการตัดสินใจซื้อออกไปรอให้ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว
“ ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ลูกค้ากลุ่มยุโรป และสแกนดิเนเวีย ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่เคยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศมีจำนวนลดลงไปมากในขณะที่กำลังซื้อก็ลดลงด้วย เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ลูกค้ากลุ่มประเทศเอเชีย เช่นอินเดีย จีน ฮ่องกง และสิงค์โปร ซึ่งเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวแล้ว มีแนวโน้มการเดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่ม และเข้ามาถี่ขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าสิงค์โปรและจีนซึ่งชอบอากาศในประเทศไทย ส่วนลูกค้าจีน นั้นโอกาสเข้ามาลงทุนมากขึ้นเนื่องจากประเทศจีนไม่เปิดโอกาสในการถือครองสิทธิ์ขาดในที่ดินและจีนเองในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทำให้มีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นจำนวนมากซึ่งกลุ่มดังกล่าวจะสนใจเข้ามาลงทุนอสังหาฯในประเทศไทยมากขึ้น”
สำหรับโครงการวิลล่าในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีจำนวน 6 ยูนิตราคาเริ่มต้น30ล้านบาท มูลค่ารวม 180-200ล้านบาท นั้นคาดว่าจะปรับแบบเสร็จและสามารถเปิดขายได้ในช่วงปลายปีนี้
นายดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อการชะลอการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในตลาดตั้งแต่ช่วงต้นปี52ที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่ารัฐบาลจะต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาฯตั้งแต่ช่วงต้นปีแต่ผลของมาตรการดังกล่าวยังไม่ส่งผลในทันทีทำให้ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมายอดขายของบริษัทไม่กระเตื้องเท่าที่ควร
ดังนั้น คณะกรรมการบริหารจึงมีมติให้ ธนาพัฒน์ฯ ยืดแผนการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ของปี52ออกไป เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์และรักษาสภาพคล่องของบริษัทให้มีความพร้อมรับมือสถานการณ์ในปัจจุบันทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ธนพัฒน์ฯจะไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่
สำหรับช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมรยอดขายที่อยู่อาศัยของบริษัทเฉลี่ยต่อเดือน 4-5 ยูนิตต่อเดือน ซึ่งถือว่าลดลงไปมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี51 ดังนั้นบริษัทจึงปรับแผนชะลอการพัฒนาโครการใหม่ออกไปและเน้นการาระบายสต็อกบ้านเก่าที่เปิดขายอยู่ 3 โครงการประกอบด้วยโครงการบ้านธนพัฒน์ เฮาส์ พระราม3 โครงการอรุณพัฒน์ฯ พระราม3- สาธุประดิษฐ์ และโครงการธนพัฒน์ 360 พระราม3 โดยในทุกโครงการมียอดขายแล้วเฉลี่ยโครงการละ 60-70% หรือมีสต็อกที่อยู่อาศัยรอขายในมือประมาณ 700-800ล้านบาทจาก3โครงการ
“ธนพัฒน์ฯ จะเร่งระบายสต็อกสินค้าในมือที่มีอยู่700-800ล้านบาทออกให้หมดในปีนี้ ซึ่งจากแนวโน้มการฟื้นตัวและการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในขณะนี้น่าจะทำให้บริษัทสามารถระบายสต็อกเก่าออกไปได้หมดในสินปีนี้ เนื่องจากขณะนี้มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของรัฐบาลเริ่มส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกค้ามากขึ้นแล้ว โดยสามารถวัดได้จากจำนวนยอดขายต่อเดือนที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20-30 ยูนิต ทำให้มั่นใจว่าในสิ้นปีจะสามารถขายบ้านในสต็อกออกไปได้ทั้งหมด”
นอกจากนี้ โครงการบริษัทยังได้ปรับแบบโครงการวิลล่า ในจังหวัดภูเก็ตใหม่เพื่อให้รองรับกลุ่มลูกค้าในแถบเอเชียมากขึ้นจากเดิมที่รูปแบบโครงการจะเน้นจับกลุ่มลูกค้าชาวยุโรป และสแกนดิเนเวีย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าในโซนยุโปรและสแกนดิเนเวียมีจำนวนที่ลดลง และแนวโน้มการตัดสินใจซื้อลดลงไปด้วยเนื่องจากกลุ่มดังกล่าวได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทำให้ลูกค้าจากยุโปร และสแกนดิเนเวียชะลอการตัดสินใจซื้อออกไปรอให้ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว
“ ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ลูกค้ากลุ่มยุโรป และสแกนดิเนเวีย ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่เคยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศมีจำนวนลดลงไปมากในขณะที่กำลังซื้อก็ลดลงด้วย เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ลูกค้ากลุ่มประเทศเอเชีย เช่นอินเดีย จีน ฮ่องกง และสิงค์โปร ซึ่งเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวแล้ว มีแนวโน้มการเดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่ม และเข้ามาถี่ขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าสิงค์โปรและจีนซึ่งชอบอากาศในประเทศไทย ส่วนลูกค้าจีน นั้นโอกาสเข้ามาลงทุนมากขึ้นเนื่องจากประเทศจีนไม่เปิดโอกาสในการถือครองสิทธิ์ขาดในที่ดินและจีนเองในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทำให้มีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นจำนวนมากซึ่งกลุ่มดังกล่าวจะสนใจเข้ามาลงทุนอสังหาฯในประเทศไทยมากขึ้น”
สำหรับโครงการวิลล่าในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีจำนวน 6 ยูนิตราคาเริ่มต้น30ล้านบาท มูลค่ารวม 180-200ล้านบาท นั้นคาดว่าจะปรับแบบเสร็จและสามารถเปิดขายได้ในช่วงปลายปีนี้