บอสใหญ่ "บ้านปู" คาดสรุปมาสเตอร์แพลนปี 2552-2556 ภายในเดือน ก.ย.นี้ กำหนดทิศทางที่ชัดเจน พร้อมเดินหน้าลุยลงทุนเหมืองถ่านหินในต่างประเทศ ระบุ "อินโด-จีน" อยู่ในแผนลงทุนเฟสแรก มั่นใจ ศก.มีโอกาสฟื้นตัว
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU กล่าวว่า คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานปี 2552- 2556 ภายในเดือนกันยายน 2552 นี้ โดยปัจจุบัน อยู่ระหว่างการทบทวนวิสัยทัศน์เกี่ยวกับแผนธุรกิจที่จะเดินไปข้างหน้า
ทั้งนี้ บริษัทค่อนข้างมีความพร้อมในการเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียมากที่สุด เพราะมีทั้งบุคลากรที่มีศักยภาพ รวมถึงความพร้อมที่จะไปลงทุนในออสเตรเลีย และประเทศจีน พร้อมระบุว่า จีนถือเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมประมูลเหมืองเบอราวโควล์ เหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าเดือนกันยายน 2552 นี้ น่าจะได้ความชัดเจนเกี่ยวกับการประมูลเหมืองดังกล่าว ซึ่งลักษณะของการเข้าไปประมูลนั้นเป็นเช่นเดียวกันกับเหมืองที่บริษัทมีอยู่
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2553 นั้น BANPU ตั้งเป้าผลิตถ่านหินเพิ่ม 2-3 ล้านตัน เพราะรับผลบวกจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากเหมืองปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็คาดการณ์ว่าความเชื่อมั่นในประเทศอินโดนีเซีย และอินเดีย พลิกกลับมาเป็นเชิงบวก เพราะประชาชนมั่นใจเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ หลังการเลือกตั้งสิ้นสุดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทเพราะมีเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 5252 นี้ราคาขายถ่านหินในประเทศจีนจะอ่อนตัวลง เพราะจะมีเหมืองขนาดเล็กที่กลับมาเดินเครื่องปกติ
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU กล่าวว่า คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานปี 2552- 2556 ภายในเดือนกันยายน 2552 นี้ โดยปัจจุบัน อยู่ระหว่างการทบทวนวิสัยทัศน์เกี่ยวกับแผนธุรกิจที่จะเดินไปข้างหน้า
ทั้งนี้ บริษัทค่อนข้างมีความพร้อมในการเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียมากที่สุด เพราะมีทั้งบุคลากรที่มีศักยภาพ รวมถึงความพร้อมที่จะไปลงทุนในออสเตรเลีย และประเทศจีน พร้อมระบุว่า จีนถือเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมประมูลเหมืองเบอราวโควล์ เหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าเดือนกันยายน 2552 นี้ น่าจะได้ความชัดเจนเกี่ยวกับการประมูลเหมืองดังกล่าว ซึ่งลักษณะของการเข้าไปประมูลนั้นเป็นเช่นเดียวกันกับเหมืองที่บริษัทมีอยู่
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2553 นั้น BANPU ตั้งเป้าผลิตถ่านหินเพิ่ม 2-3 ล้านตัน เพราะรับผลบวกจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากเหมืองปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็คาดการณ์ว่าความเชื่อมั่นในประเทศอินโดนีเซีย และอินเดีย พลิกกลับมาเป็นเชิงบวก เพราะประชาชนมั่นใจเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ หลังการเลือกตั้งสิ้นสุดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทเพราะมีเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 5252 นี้ราคาขายถ่านหินในประเทศจีนจะอ่อนตัวลง เพราะจะมีเหมืองขนาดเล็กที่กลับมาเดินเครื่องปกติ
