ผู้ถือหุ้น เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ฯ ไฟเขียวตั้งบอร์ดใหม่ คาดอีก 1 เดือนโครงสร้างบอร์ดชัดเจน ไม่หวั่นปัญหาสภาพคล่อง -หนี้เสีย ชี้บริษัทมีรายได้เพียงพอคลุมค่าใช้จ่าย จากงานบริการซ่อมเดือนละเกือบ 8 ล้านบาท รอเศรษฐกิจฟื้นเดินหน้าลุยงานเต็มสูบด้วยจุดแข็งและประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญ
นายกิตติมา สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้นว่า การประชุมครั้งนี้บริษัทได้คัดเลือกคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่อีก 7 คนเพื่อเข้ามาทำงานร่วมกับกรรมการเดิมที่ยังคงเหลืออยู่อีก 3 คน แล้ว ประกอบด้วย นายสรรพพล รัตนรุ่งโรจน์, นางสาวยุพาวดี นาถประนิล, ว่าที่ร้อยตรี สมชาย อามีน, พลตำรวจตรี กำพล โกศลานันท์, นายภัทรคม เกษสำลี, นายสุรพันธ์ กันเขตต์ และนายลิขิต เทิดชนะกุล ส่วนผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานการประชุมวานนี้คือนายมงคล รัตนวิชัย ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นเช่นกัน
ทั้งนี้คาดว่าภายในระยะเวลา 1 เดือนจะได้เห็นรูปร่างหน้าตาโครงสร้างของคณะกรรมการใหม่ว่าใครจะทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการ และกรรมการฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งโครงสร้างคณะผู้บริหารของบริษัท โดยเฉพาะตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ รวมถึงคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อดำเนินงานตามเป้าหมายที่บริษัทจะกลับมาทำธุรกิจต่อไป และแม้จะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง หรือหนี้สินที่เกิดขึ้นกับซัพพลายเออร์ แต่บริษัทก็ยังสามารถมีรายได้พอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้ โดยปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากการบริการซ่อมประมาณ 7-8 ล้านบาทต่อเดือน
ขณะที่ทางบรรดาซัพพลายเออร์ด้านการขายรถ ก็พร้อมที่จะทำธุรกิจกับบริษัท และพร้อมดึงทีมงานด้านการขายระดับมืออาชีพกลับมาร่วมงานบางส่วนหลังจากที่ได้ลาออกไปแล้ว 100 กว่าคนเพราะไม่มีรถให้ขาย ซึ่งปัจจุบันบริษัทเหลือทีมงานฝ่ายขายอยู่ไม่ถึง 10 คน ขณะที่ศูนย์บริการและดีลเลอร์ก็ทยอยหมดสัญญาลงไป ซึ่งในบางที่ขอถอนตัวไปเองทำให้ปัจจุบันเหลือที่เปิดดำเนินการอยู่เพียง 2 แห่ง คือ พระราม 9 และพระราม 2 ลดลงจากเดิมที่เคยมีอยู่ 6-7 สาขา
"ด้วยจุดแข็งของ SECC ในเรื่องของประสบการณ์การนำเข้ารถหรูระดับพรีเมี่ยมมาจำหน่ายและการให้บริการจากช่างผู้เชี่ยวชาญมานานกว่า 17 ปี ซึ่งเมื่อไหร่ที่เรากลับมาขายรถเหมือนเดิม และเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ตัวเลขยอดขายรถยนต์ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ ทำให้มั่นใจว่าลูกค้าจะยังไว้วางใจใน SECC เหมือนเดิม"นายกิตติมากล่าว
นายกิตติมากล่าวว่า กรณีจำนวนรถที่หายไปจากสต๊อกของบริษัทนั้นคงต้องรอกรรมการตรวจสอบชุดใหม่เข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากเวลานี้ไม่มีใครทราบว่ารถหายไปทั้งหมดกี่คัน และทั้งหมดหายไปอยู่ที่ไหนบ้าง ส่วนการเข้าประมูลโครงการรถเมล์ NGV ที่อดีตผู้บริหารเคยริเริ่มไว้นั้นคงต้องขึ้นอยู่กับมติคณะกรรมการชุดใหม่ในการพิจารณาว่ายังต้องการให้บริษัททำโครงการนี้ต่อไปหรือไม่ ขณะที่บริษัทยังมีความพร้อมทั้งเทคโนโลยีและการดูแลรักษา ขณะที่ข่าวการหายตัวของผู้บริหารเดิมคือนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ นั้นมีผู้พบเห็นอยู่ในหลายที่ เช่น เกาะกง ฮ่องกง มาเก๊า ออสเตรเลีย ล่าสุดทราบข่าวว่าไปทำธุรกิจไวน์อยู่ที่สหรัฐอเมริกา
นายกิตติมา สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้นว่า การประชุมครั้งนี้บริษัทได้คัดเลือกคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่อีก 7 คนเพื่อเข้ามาทำงานร่วมกับกรรมการเดิมที่ยังคงเหลืออยู่อีก 3 คน แล้ว ประกอบด้วย นายสรรพพล รัตนรุ่งโรจน์, นางสาวยุพาวดี นาถประนิล, ว่าที่ร้อยตรี สมชาย อามีน, พลตำรวจตรี กำพล โกศลานันท์, นายภัทรคม เกษสำลี, นายสุรพันธ์ กันเขตต์ และนายลิขิต เทิดชนะกุล ส่วนผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานการประชุมวานนี้คือนายมงคล รัตนวิชัย ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นเช่นกัน
ทั้งนี้คาดว่าภายในระยะเวลา 1 เดือนจะได้เห็นรูปร่างหน้าตาโครงสร้างของคณะกรรมการใหม่ว่าใครจะทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการ และกรรมการฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งโครงสร้างคณะผู้บริหารของบริษัท โดยเฉพาะตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ รวมถึงคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อดำเนินงานตามเป้าหมายที่บริษัทจะกลับมาทำธุรกิจต่อไป และแม้จะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง หรือหนี้สินที่เกิดขึ้นกับซัพพลายเออร์ แต่บริษัทก็ยังสามารถมีรายได้พอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้ โดยปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากการบริการซ่อมประมาณ 7-8 ล้านบาทต่อเดือน
ขณะที่ทางบรรดาซัพพลายเออร์ด้านการขายรถ ก็พร้อมที่จะทำธุรกิจกับบริษัท และพร้อมดึงทีมงานด้านการขายระดับมืออาชีพกลับมาร่วมงานบางส่วนหลังจากที่ได้ลาออกไปแล้ว 100 กว่าคนเพราะไม่มีรถให้ขาย ซึ่งปัจจุบันบริษัทเหลือทีมงานฝ่ายขายอยู่ไม่ถึง 10 คน ขณะที่ศูนย์บริการและดีลเลอร์ก็ทยอยหมดสัญญาลงไป ซึ่งในบางที่ขอถอนตัวไปเองทำให้ปัจจุบันเหลือที่เปิดดำเนินการอยู่เพียง 2 แห่ง คือ พระราม 9 และพระราม 2 ลดลงจากเดิมที่เคยมีอยู่ 6-7 สาขา
"ด้วยจุดแข็งของ SECC ในเรื่องของประสบการณ์การนำเข้ารถหรูระดับพรีเมี่ยมมาจำหน่ายและการให้บริการจากช่างผู้เชี่ยวชาญมานานกว่า 17 ปี ซึ่งเมื่อไหร่ที่เรากลับมาขายรถเหมือนเดิม และเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ตัวเลขยอดขายรถยนต์ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ ทำให้มั่นใจว่าลูกค้าจะยังไว้วางใจใน SECC เหมือนเดิม"นายกิตติมากล่าว
นายกิตติมากล่าวว่า กรณีจำนวนรถที่หายไปจากสต๊อกของบริษัทนั้นคงต้องรอกรรมการตรวจสอบชุดใหม่เข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากเวลานี้ไม่มีใครทราบว่ารถหายไปทั้งหมดกี่คัน และทั้งหมดหายไปอยู่ที่ไหนบ้าง ส่วนการเข้าประมูลโครงการรถเมล์ NGV ที่อดีตผู้บริหารเคยริเริ่มไว้นั้นคงต้องขึ้นอยู่กับมติคณะกรรมการชุดใหม่ในการพิจารณาว่ายังต้องการให้บริษัททำโครงการนี้ต่อไปหรือไม่ ขณะที่บริษัทยังมีความพร้อมทั้งเทคโนโลยีและการดูแลรักษา ขณะที่ข่าวการหายตัวของผู้บริหารเดิมคือนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ นั้นมีผู้พบเห็นอยู่ในหลายที่ เช่น เกาะกง ฮ่องกง มาเก๊า ออสเตรเลีย ล่าสุดทราบข่าวว่าไปทำธุรกิจไวน์อยู่ที่สหรัฐอเมริกา
