บลิส-เทล เพิ่มทุนอีก 226.50 ล้านบาท หรือ 2,265 ล้านหุ้น โดยจัดสรร 690 ล้านหุ้นรองรับการแปลงสภาพวอร์แรนต์ BLISS-W1 และ 1,575 ล้านหุ้น จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคา 0.05 บาท เตรียมขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น 5 สิงหาคมนี้ และเงินที่้ได้นำไปใช้ในการขยายงานและเสริมฐานะการเงินบริษัทให้แกร่ง
นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) (BLISS) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 5/2552 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2552 ว่าบอร์ดอนุมัติการเพิ่มทุนและจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังต่อไปนี้
1. การเพิ่มทุนอ้างถึงมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552 ของ BLISS เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2552 มีมติอนุมัติให้ลดทุน และให้เพิ่มทุนจดทะเบียน โดย
1.1 อนุมัติลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จาก 900 ล้านบาท เหลือ 315 ล้านบาท
1.2 อนุมัติลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จากเดิม 315 ล้านบาท เหลือ 78,750,000บาท
1.3 อนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ อีก 226,500,000 บาท จากเดิม 78,750,000บาท เป็น 305,250,000 บาท
2. การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 5/2552 ของ BLISS เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2552 มีมติอนุมัติให้แก้ไขเรื่องการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวนไม่เกิน 2,265,000,000 หุ้น (ภายหลังการลดทุนโดยการลดทุนจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วในอัตรา 4 หุ้นเดิม เหลือ 1 หุ้น)โดยมีรายละเอียดดังนี้
2.1 จำนวนไม่เกิน 690 ล้านหุ้น จัดสรรไว้สำหรับรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์)ที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ( BLISS - W 1 ) โดยราคาในการใช้สิทธิแปลงสภาพ หุ้นละ 0.80 บาท และราคาการใช้สิทธิแปลงสภาพจะปรับราคาตามหลักเกณฑ์ที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน
2.2 จำนวนไม่เกิน 1,575,000,000 หุ้น จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นสามัญเดิม ( ภายหลังการลดทุน ) ต่อ 2 หุ้นสามัญใหม่ จากมติเดิมเสนอขายในราคาหุ้นละ 0.10 บาท เป็นราคาหุ้นละ 0.05 บาท
กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552 ในวันที่ 5 สิงหาคม 2552 โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมระชุมผู้ถือหุ้นเป็นวันที่ 13กรกฎาคม 2552 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยใช้วิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 14 กรกฎาคม 2552
สำหรับการเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อใช้สำหรับรองรับการขยายตัวของธุรกิจต่อไปในอนาคต ประโยชน์ที่บริษัทจะพึงได้รับจากการเพิ่มทุน/จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน บริษัทจะมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงขึ้นจากเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุน เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) (BLISS) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 5/2552 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2552 ว่าบอร์ดอนุมัติการเพิ่มทุนและจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังต่อไปนี้
1. การเพิ่มทุนอ้างถึงมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552 ของ BLISS เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2552 มีมติอนุมัติให้ลดทุน และให้เพิ่มทุนจดทะเบียน โดย
1.1 อนุมัติลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จาก 900 ล้านบาท เหลือ 315 ล้านบาท
1.2 อนุมัติลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จากเดิม 315 ล้านบาท เหลือ 78,750,000บาท
1.3 อนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ อีก 226,500,000 บาท จากเดิม 78,750,000บาท เป็น 305,250,000 บาท
2. การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 5/2552 ของ BLISS เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2552 มีมติอนุมัติให้แก้ไขเรื่องการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวนไม่เกิน 2,265,000,000 หุ้น (ภายหลังการลดทุนโดยการลดทุนจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วในอัตรา 4 หุ้นเดิม เหลือ 1 หุ้น)โดยมีรายละเอียดดังนี้
2.1 จำนวนไม่เกิน 690 ล้านหุ้น จัดสรรไว้สำหรับรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์)ที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ( BLISS - W 1 ) โดยราคาในการใช้สิทธิแปลงสภาพ หุ้นละ 0.80 บาท และราคาการใช้สิทธิแปลงสภาพจะปรับราคาตามหลักเกณฑ์ที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน
2.2 จำนวนไม่เกิน 1,575,000,000 หุ้น จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นสามัญเดิม ( ภายหลังการลดทุน ) ต่อ 2 หุ้นสามัญใหม่ จากมติเดิมเสนอขายในราคาหุ้นละ 0.10 บาท เป็นราคาหุ้นละ 0.05 บาท
กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552 ในวันที่ 5 สิงหาคม 2552 โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมระชุมผู้ถือหุ้นเป็นวันที่ 13กรกฎาคม 2552 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยใช้วิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 14 กรกฎาคม 2552
สำหรับการเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อใช้สำหรับรองรับการขยายตัวของธุรกิจต่อไปในอนาคต ประโยชน์ที่บริษัทจะพึงได้รับจากการเพิ่มทุน/จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน บริษัทจะมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงขึ้นจากเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุน เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต