พาณิชย์ คาดราคาสินค้าช่วงครึ่งหลังปี 52 มีแนวโน้มขยับขึ้น ตามต้นทุนและวัตถุดิบที่ขยับตามราคาน้ำมัน โดยคาดว่าจะมีเพียงบางรายการ เพราะการแข่งขันสูง ส่วนแนวโน้มปี 53 คาดราคาสินค้าขยับขึ้น 3-8% เตรียมดูแลสินค้า นมผง เหล็ก ปูนซีเมนต์
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงทิศทางราคาสินค้าครึ่งปีหลัง 2552 โดยระบุว่า ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะกลุ่มอาหารต่างๆ ส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่มาจากน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และมีโอกาสที่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการอาจจะปรับขึ้นบ้างตามราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยรวมคิดว่าราคาส่วนใหญ่จะยังคงไม่ปรับขึ้นทันที ประกอบกับเป็นช่วงของการแข่งขันราคาค่อนข้างสูงจากกลุ่มห้างสรรพสินค้าที่ใช้กลยุทธ์ลดแลกแจกแถม จึงเชื่อว่าราคาสินค้าจากกรณีวัตถุดิบที่สูงขึ้นคงไม่ใช่ข้ออ้างที่จะปรับราคาสินค้าครึ่งปีหลัง จึงอยากให้ประชาชนสบายใจได้
ส่วนสถานการณ์ราคาสินค้าปี 2553 นายยรรยง กล่าวว่า เท่าที่กรมการค้าภายในประเมินจากสมมติฐานเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว ประชาชนมีรายได้และมีความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยได้ตามปกติ ราคาวัตถุดิบสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณร้อยละ 10-15 อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ระดับ 34-35 บาทต่อดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 65-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และไม่มีเหตุการณ์ทางการเมือง ทำให้ต้นทุนสินค้าปรับขึ้นร้อยละ 3-8 ในหลายประเภท เช่น นมผงต้นทุนปรับขึ้นร้อยละ 5 เหล็กร้อยละ 4-7 ปูนซิเมนต์ร้อยละ 7-8 ของใช้ประจำวันร้อยละ 3-4 ปุ๋ยเคมีร้อยละ 5 และแบตเตอรีร้อยละ 3
อย่างไรก็ตาม แม้ต้นทุนสินค้าจะปรับขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน และอีกหลายปัจจัย แต่กรมการค้าภายใน ก็จะพิจารณาจากต้นทุนที่แท้จริงและนโยบายของรัฐบาล และจากการประเมินทิศทางราคาสินค้าปี 2553 แม้ราคาสินค้าจะมีแนวโน้มปรับขึ้น กรมการค้าภายใน ก็จะพิจารณาดูในหลายปัจจัยควบคู่กัน และที่สำคัญหากราคาสินค้าปรับขึ้นก็ต้องคำนวณเพดานสินค้าแต่ละรายการด้วย จึงเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนแน่นอน
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงทิศทางราคาสินค้าครึ่งปีหลัง 2552 โดยระบุว่า ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะกลุ่มอาหารต่างๆ ส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่มาจากน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และมีโอกาสที่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการอาจจะปรับขึ้นบ้างตามราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยรวมคิดว่าราคาส่วนใหญ่จะยังคงไม่ปรับขึ้นทันที ประกอบกับเป็นช่วงของการแข่งขันราคาค่อนข้างสูงจากกลุ่มห้างสรรพสินค้าที่ใช้กลยุทธ์ลดแลกแจกแถม จึงเชื่อว่าราคาสินค้าจากกรณีวัตถุดิบที่สูงขึ้นคงไม่ใช่ข้ออ้างที่จะปรับราคาสินค้าครึ่งปีหลัง จึงอยากให้ประชาชนสบายใจได้
ส่วนสถานการณ์ราคาสินค้าปี 2553 นายยรรยง กล่าวว่า เท่าที่กรมการค้าภายในประเมินจากสมมติฐานเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว ประชาชนมีรายได้และมีความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยได้ตามปกติ ราคาวัตถุดิบสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณร้อยละ 10-15 อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ระดับ 34-35 บาทต่อดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 65-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และไม่มีเหตุการณ์ทางการเมือง ทำให้ต้นทุนสินค้าปรับขึ้นร้อยละ 3-8 ในหลายประเภท เช่น นมผงต้นทุนปรับขึ้นร้อยละ 5 เหล็กร้อยละ 4-7 ปูนซิเมนต์ร้อยละ 7-8 ของใช้ประจำวันร้อยละ 3-4 ปุ๋ยเคมีร้อยละ 5 และแบตเตอรีร้อยละ 3
อย่างไรก็ตาม แม้ต้นทุนสินค้าจะปรับขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน และอีกหลายปัจจัย แต่กรมการค้าภายใน ก็จะพิจารณาจากต้นทุนที่แท้จริงและนโยบายของรัฐบาล และจากการประเมินทิศทางราคาสินค้าปี 2553 แม้ราคาสินค้าจะมีแนวโน้มปรับขึ้น กรมการค้าภายใน ก็จะพิจารณาดูในหลายปัจจัยควบคู่กัน และที่สำคัญหากราคาสินค้าปรับขึ้นก็ต้องคำนวณเพดานสินค้าแต่ละรายการด้วย จึงเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนแน่นอน