หุ้นภาคเช้ารูดหนักกว่า 20 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียที่ร่วงหนักกว่า 3% หลังเวิลด์แบงก์คาดการณ์ ศก.โลกหดตัวหนักกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ราคาน้ำมัน และราคาโลหะ ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ก็ถูกเทขายอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนปรับลดความเสี่ยง และประเมินทิศทางใหม่ พร้อมกับโยกเงินไปที่ตลาดพันธบัตร
ภาวะตลาดหุ้นไทย วันที่ 23 มิถุนายน 2552 (วันนี้) ดัชนีภาคเช้าปรับตัวลงหนักถึง 20.40 จุด เมื่อเวลา 11.33 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 561.89 จุด เปลี่ยนแปลง -3.50% มูลค่าการซื้อขาย 7,997.56 ล้านบาท เป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่กังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกเมื่อวานนี้
ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งน้ำมันดิบและโลหะปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กในสหรัฐฯ ปรับตัวลงกว่า 200 จุด เมื่อคืนนี้ และเช้านี้ตลาดหุ้นทั่วเอเชียร่วงลงตามกันถ้วนหน้า
นักวิเคราะหุ้นมองว่า นักลงทุนคงจะขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อน ภายหลังจากที่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกที่อาจจะมีการล่าช้าออกไป อย่างที่ทางญี่ปุ่นมองว่าเศรษฐกิจโลกไม่ได้มีการฟื้นตัวเร็วอย่างที่คาดกันไว้ พร้อมกับคาดการณ์ว่า นักลงทุนเริ่มลดความเสี่ยงในตลาดหุ้น โดยโยกเงินไปที่ตลาดพันธบัตรเพื่อลดความเสี่ยง และให้อัตราผลตอบแทนที่มั่นคงกว่า
นอกจากนี้ ยังมองว่าเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไรนั้นคงจะต้องรอดูต่อไป ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเรื่องยากที่จะชี้ชัดถึงทิศทางเศรษฐกิจที่แท้จริง นอกจากนี้ก็มีการมองกันว่าราคาหุ้นของทุกตลาดทุนได้ค่อนข้างแพงไปแล้วเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีการขายทำกำไรกันออกมาด้วย
โดยเช้าวันนี้ ตลาดหุ้นเอเชียร่วงระนาว ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะตลาดหุ้นโตเกียว และตลาดหุ้นฮ่องกง ที่ดิ่งลงกว่า 3% ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลง 3.09% มาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 9,523.01 จุด ก่อนช่วงพักเที่ยงวันนี้ เช่นเดียวกับดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ที่ดิ่งลง 3.28% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิท กระดานเอและบี ร่วงลง 0.67%
ด้านตลาดหุ้นรัสเซียดิ่งลงถึง 8% เป็นผลมาจากราคาน้ำมันและโลหะที่ร่วงลงอย่างหนัก ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ดิ่งลง พลอยฉุดให้ตลาดหุ้นปิดตัวในแดนลบถ้วนหน้าโดยเฉพาะหุ้นของบริษัท น้ำมันรายใหญ่ บีพี และเชลล์ ที่ร่วงลง หลังราคาน้ำมันดิบไลท์สวีทตลาดนิวยอร์กดิ่งลงเหลือไม่ถึง 67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนกรณีที่เวิลด์แบงก์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะขยายตัวเพียง 1.2 ในปีนี้ เมื่อเทียบกับการขยายตัว 5.9% เมื่อปี 2551 และที่ระดับ 8.1% เมื่อปี 2550 ก็มีส่วนทำให้ตลาดหุ้นร่วงระนาวทั่วโลก
มีรายงานเพิ่มเติมว่า ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 562.68 จุด ลดลง 19.61 จุด เปลี่ยนแปลง -3.37% มูลค่าการซื้อขาย 9,566.18 ล้านบาท
ล่าสุด ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 569.85 จุด ลดลง 12.44 จุด เปลี่ยนแปลง -2.14% มูลค่าการซื้อขาย 16,723.63 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,079.96 ล้านบาท